ผมถอดเทปคำสัมภาษณ์คุณบัณฑูร ล่ำซำ อดีตประธานกรรมการฯ และประธานบริหารธนาคารกสิกรไทยมา 2 วันแล้ว ดูเหมือนจะจบตั้งแต่เมื่อวานนี้ ด้วยการมองปัญหาและเสนอวิธีแก้พิษเศรษฐกิจจากโควิด-19 ที่ผมอยากจะเรียกว่า “บัณฑูรโมเดล” เพราะยังไม่เคย ได้ยินได้ฟังที่ไหนมาก่อน
แบ่งเป็นสะเบียงเก่า “3 กอง” ที่ประเทศไทยจะสามารถดึงมาใช้เพื่อการนี้อย่างเห็นภาพ ได้แก่ ภาครัฐ, ภาคธนาคาร และ ภาคเถ้าแก่
มีข้อเสนอแนะข้อพึงปฏิบัติ โดยสังเขป ไว้แล้วเช่นกัน…ซึ่งคุณบัณฑูรหวังว่า ถ้า เสบียงเก่า ทั้ง 3 กองทำหน้าที่ของแต่ละกองอย่างที่ควรจะทำ โดยมีกองใหญ่สุดคือ ภาครัฐ ซึ่งนอกจากจะเป็นเสบียงแล้ว ยังเป็น แกนกลาง ในการประสานและกำกับ เสบียง ทั้งหมดอีกด้วย
แม้จะหนักหนาแค่ไหน แต่ในที่สุดเราก็จะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้
เผอิญเมื่อ “น้ำชา” หมดกาแล้ว บทสนทนาอย่างเป็นทางการจบแล้ว ผมเกิดไปถามสะกิดใจคุณปั้นว่าใน 3 เสบียงนี้ห่วงกองไหนที่สุด?
คุณปั้นตอบทันทีว่าเป็นห่วง ภาครัฐบาล มากที่สุด เพราะนอกจากห่วงปัญหารั่วไหลที่เขาย้ำนักย้ำหนา และผมก็ถอดเทปไปแล้วเมื่อวานนี้ เขาก็อดมิได้ที่จะห่วงเรื่องประสิทธิภาพ และความสามารถใน การบริหารจัดการ ในเรื่องต่างๆ ของภาครัฐเป็นประเด็นที่สอง
คุณบัณฑูรยกตัวอย่างการบริหารจัดการเรื่องเงินเยียวยาเดือนละ 5 พันบาท ที่เกิดความสับสน ยุ่งยาก เกิดปัญหาว่า คนสมควรได้รับกลับไม่ได้รับ และคนได้รับจำนวนไม่น้อยที่ไม่สมควรได้รับเป็นอย่างยิ่ง… มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นมากมาย
แม้จะเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ เพราะสิ่งเหล่านี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นในบ้านเรา เพิ่งเกิดเป็นครั้งแรกและต้องทำแข่งกับความเร็ว ทำให้โอกาสผิดพลาดมีสูง…ซึ่งรัฐบาลก็แก้ไขแล้ว และคุณบัณฑูรหวังว่าจะไม่พลาดซ้ำสอง
เพราะยุคนี้สมัยนี้ประชากรของเรามีเยอะ จำนวนคนเดือดร้อนก็มากขึ้น เมื่อเทียบกับสมัยก่อน และที่สำคัญคนเราเวลาหิว เวลาไม่มี อะไรจะกินมักอารมณ์เสีย พร้อมจะทำอะไรที่รุนแรงขึ้นมาก็ได้
การบริหารจัดการที่ผิดพลาดในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอาจจะเป็นชนวนให้เกิด Social Unrest (ความไม่สงบทางสังคม) ขึ้นได้ และถ้าเกิดจะยุ่งมาก ทำให้การบริหารในเรื่องสำคัญอื่นๆ พลอยยุ่งไปหมด ฉะนั้นต้องพยายามอย่าให้เกิดเป็นดีที่สุด
แต่เมื่อได้แสดงความห่วงใยออกมาแล้ว คุณบัณฑูรก็ปลอบใจทั้งตัวเขาเองและผมว่า มันอาจไม่เกิดความรุนแรงขึ้นก็ได้ แม้รัฐบาลจะช้าหรือพลาดไปบ้าง เพราะสังคมไทยเรายังเป็นสังคมที่มีความเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ ยังมีความเมตตา กรุณา
ยังมีคนใจบุญที่พร้อมจะออกมาช่วยเพื่อนคนไทยด้วยกันเสริมภาครัฐบาล ดังเช่นที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ เราก็เริ่มมีคนใจบุญออกมาแจกอาหาร แจกข้าวของจำเป็นแก่คนยากจน และคนตกงานตามที่ต่างๆ
แม้ผมจะเห็นด้วยกับคุณบัณฑูร ที่ว่าจริงๆ แล้วสังคมไทยเรายังมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และจิตใจของคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยากเองก็มิใช่เป็นคนก้าวร้าวรุนแรงเหมือนในบางประเทศ
แต่ก็อย่าลืมว่า ถ้ามีการยุยงหรือปลุกปั่น หรือมีใครหยิบมาเป็นประเด็นทางการเมือง อาจจะมีผู้คนบางกลุ่มหลงเชื่อ และก่อความไม่สงบขึ้นมาได้เหมือนกัน
นอกจากนี้ ในทางสถิติที่เกิดขึ้นก็พบว่าทุกครั้งที่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาอาชญากรรมจะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ความไม่สงบของสังคมจึงอาจจะเกิดได้ จากปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น เพราะผู้คนตกงานไม่มีเงินใช้จ่าย ไม่มีข้าวปลาอาหารรับประทาน ฯลฯ
ผมก็ขอหยิบประเด็นที่คุณบัณฑูรฝากไว้นอกเทปมามอบแก่บิ๊กตู่เป็นบทส่งท้ายของการสัมภาษณ์คุณบัณฑูรก็แล้วกันนะครับ และขอให้บิ๊กตู่ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ บริหารจัดการเสบียงทั้ง 3 ประการให้ดีที่สุด ผมเองก็เชื่อเหมือนคุณบัณฑูรว่า เราจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ แม้จะยากลำบากยากเย็นเพียงใดก็ตาม
ในส่วนของภารกิจเฉพาะตัวของคุณบัณฑูรที่ขันอาสาจะไปหาสูตรที่เหมาะสมสำหรับการฟื้นฟูป่าต้นน้ำของประเทศไทย โดยจะใช้ป่าต้นลำน้ำน่านที่จังหวัดน่านเป็นแบบจำลองนั้น คุณบัณฑูรเกริ่นให้ผมฟังบ้างแล้ว…และผมก็ให้กำลังใจไปเรียบร้อยแล้ว
รอไว้ให้คุณบัณฑูรไปทำสักพักหนึ่ง พอให้เห็นรูปเห็นร่างเห็นทางที่จะเดินในอนาคต ผมกับคุณระวิโหลทองที่ไปสัมภาษณ์ด้วยกัน จะตามไปดูผลงาน และจะนำมาเขียนรายงานให้ทราบต่อไปครับ.
“ซูม”