จาก “นักรบเสื้อกาวน์” ถึง…“นักรบเศรษฐกิจ”

ในการทำสงครามกับ “โควิด-19” นั้น ทุกประเทศทั่วโลกจะต้องแบ่งกำลังทัพออกเป็น 2 ด้าน เพราะผลกระทบของไวรัส มหาภัยตัวนี้จะมีหลักๆ อยู่ 2 ประการ

ประการแรก ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด และจะต้องลงมือสู้รบทันที ได้แก่ กองทัพของกระทรวงสาธารณสุข ที่ประกอบด้วยแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เรียกกันว่า “นักรบเสื้อกาวน์” ซึ่งกำลังจับอาวุธ (เครื่องมือแพทย์ต่างๆ) ต่อสู้อย่างเหน็ดเหนื่อยอยู่ในขณะนี้ เพื่อปกป้องชีวิตของผู้คนให้พ้นจากการเป็นเหยื่อโควิด-19

ประการที่สอง ที่จะต้องรบคู่กันไป โดยลงมือใช้อาวุธในบางส่วนเพื่อเหตุการณ์เฉพาะหน้า กับเตรียมยุทโธปกรณ์ให้พรั่งพร้อมไว้สำหรับการต่อสู้ที่จะทวีความรุนแรงอย่างแน่นอนในอนาคตอันไม่ไกลนี้ ได้แก่ “นักรบด้านเศรษฐกิจ” ที่จะต้องต่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ ที่จะตามมาภายหลังการระบาดจบลง

เราเขียนให้กำลังใจและแสดงความชื่นชมและขอบคุณในผลงาน อันเสียสละ ทุ่มเทของ นักรบเสื้อกาวน์ มาหลายครั้งแล้ว วันนี้ขอหันมา ทำหน้าที่กองเชียร์และให้กำลังใจแก่ นักรบเศรษฐกิจบ้าง เพราะเพิ่งจะผ่านมาตรการเตรียมสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อสู้ศึกครั้งนี้ โดยจะใช้เงินถึง 1.9 ล้านล้านบาท เมื่อวานนี้เอง

อาวุธหลักๆ ที่จะใช้ก็มี พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อการ เยียวยาและดูแลเศรษฐกิจ โดยตรง วงเงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อใช้ในการเยียวยาผู้ได้รับ ผลกระทบ 6 เดือน เยียวยาเกษตรกร และดูแลด้านสาธารณสุข ตลอดจนเพื่อใช้ในโครงการพัฒนาและสนับสนุนเศรษฐกิจในพื้นที่ รวมไปถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับพื้นที่

ตามมาด้วย พ.ร.ก. ให้ อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย ออก Soft Loan เพื่อดูแลภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs วงเงิน 500,000 ล้านบาท ซึ่งจะรวมถึงการออกสินเชื่อใหม่และการพักชำระหนี้และดอกเบี้ยสำหรับเงินกู้เดิมอยู่ด้วยครบครัน

กับอีกหนึ่ง พ.ร.ก.สนับสนุนสภาพคล่องเพื่อดูแลเสถียรภาพตราสารหนี้ ภาคเอกชน โดยตั้งกองทุนรวม Corporate Bond Liquidity Stabilization Fund หรือ BSF ไม่เกิน 400,000 ล้านบาท มอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนในกองทุนดังกล่าว

ขณะเดียวกัน ก็ตกลงกันว่าจะออก พ.ร.บ.อีกฉบับว่าด้วยการโอนเงินงบประมาณ 2563 ซึ่งจัดสรรไปตามกระทรวงต่างๆ แล้ว กลับมาเข้างบกลางของปี 2563 อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็คงจะต้องไปว่ากันในรายละเอียดต่อไป

เท่าที่อ่านข่าวอย่างละเอียด 2-3 รอบ ผมก็ว่าโอเคนะ ถือว่าเป็น อาวุธยุทโธปกรณ์และเป็นแผนยุทธการที่น่าจะครอบคลุมและเพียงพอที่จะใช้สู้ศึกครั้งนี้ได้ในเบื้องต้น

แต่ก็อย่างที่ผมเคยตั้งข้อสังเกตไว้ว่า จริงๆ แล้วสงครามโควิด-19 ยังไม่จบ ทั้งในระดับโลกและของบ้านเราเอง ซึ่งเชื่อว่าจะต้องใช้เวลาอีกนาน

ในระดับโลกนั้น ขณะที่เขียนต้นฉบับวันนี้ ก็ปรากฏว่าบางประเทศดูทรงๆ แล้ว แต่หลายประเทศกลับหนักขึ้นมาอีก รวมทั้งของเราด้วย ตัวเลขดีอยู่ 2 วัน พอมาอีกวันตัวเลขกลับขึ้นไปหลักร้อยกว่าๆ อีกจนได้

อาจจะต้องใช้เวลาอีกเป็นเดือน หรือ 2 เดือนก็ได้ กว่าสงครามจะสงบลงอย่างแท้จริง และจะสามารถประเมินผลเสียหายได้อย่างแท้จริง

เท่าที่อ่านๆ ดู ทีมนักรบเศรษฐกิจของบิ๊กตู่เขาก็เผื่อเอาไว้แล้วว่าถ้ามีอะไรเพิ่มเติม ก็สามารถทำเฟสต่อไปได้ เพราะจริงๆ แล้วก็ยังไม่เต็ม วงเงินกู้ และยังมีช่องทางในการดำเนินการเพิ่มเติมได้อีกพอสมควร

เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมก็เห็นว่ารับได้สำหรับยุทธวิธีและการเตรียมยุทโธปกรณ์ล่วงหน้าที่แถลงในงวดนี้

นอกจากนักรบของภาครัฐที่ว่านี้แล้ว นักรบภาคเอกชนโดยเฉพาะ ธนาคารต่างๆ และนักลงทุนใหญ่น้อยทั้งหลายก็ล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการร่วมแรงร่วมใจกันทุกฝ่าย เพื่อดำเนินการตามกรอบและยุทธวิธีการรบข้างต้น

ผมก็ขออนุญาตทำหน้าที่เหมือนพี่น้องประชาชนยุคก่อนๆ ที่ไปยืน 2 ฟากถนนราชดำเนิน คอยปรบมือให้กำลังใจขณะส่งหน่วยทหารหน่วยใดหน่วยหนึ่งของเราไปรบกับอริราชศัตรูนอกประเทศ

ผมเข้าใจดีว่า ศึกครั้งนี้หนักหนาสาหัสมาก เป็นสงครามเศรษฐกิจ ที่หนักที่สุดเท่าที่ประเทศของเราเคยเผชิญมาในช่วง 8 ทศวรรษของชีวิตผม…สู้สู้ครับ…ขอให้ชัยชนะจงเป็นของประเทศไทย!

“ซูม”