หวั่น “ตรุษจีน” ปีนี้เหงา เจอพิษ “ไวรัส” เขย่าโลก

ก่อนจะเขียนถึงหัวข้อที่ผมตั้งใจไว้ว่าจะเขียนในวันนี้ขอปรบมือให้แก่ทีมสืบสวนสอบสวนของท่าน ผบ.ตร.บิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ที่สามารถจับกุมคนร้ายใจเหี้ยมที่บุกชิงทองคำ และสังหารผู้เคราะห์ร้ายหลายศพที่จังหวัดลพบุรีได้แล้ว

ผู้ต้องหาสารภาพและยืนยันได้ว่าไม่ผิดตัว แต่ที่ทำให้สังคมไทยช็อกอย่างมากก็คือผู้ต้องหาเป็นถึงผู้อำนวยการโรงเรียนในเครือ สพฐ.แห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี อ่านข่าวแล้วก็หดหู่สะท้อนใจขึ้นอีกหลายเท่า

เอาละลืมเรื่องนี้ไว้ก่อนเพราะวันนี้ (24 ม.ค.) เป็นวันแรกของเทศกาลตรุษจีน เป็น “วันไหว้” ของชาวจีน จะมีการแจกซองแจกแต๊ะเอียอั่งเปา ทั้งแก่ลูกๆ หลานๆ และลูกน้องลูกจ้างในวันนี้

ส่วนพรุ่งนี้ (25 ม.ค.) จะเป็นวัน “ชิวอิก” หรือวันขึ้นปีใหม่แบบจีนๆ ซึ่งจะมีการออกเที่ยวตามที่ต่างๆทั่วประเทศ

ข่าวที่ผมจะหยิบมาเขียนวันนี้เป็นผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีนของ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย น่ะครับ พบว่าค่าใช้จ่ายโดยตลอดเทศกาลจะอยู่ที่ 57,639 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้วถึง 1.30 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นมูลค่าที่ลดลงครั้งแรกในรอบ 12 ปี นับตั้งแต่มหาวิทยาลัยเริ่มสำรวจเป็นต้นมา

สำหรับเหตุผลที่การใช้จ่ายจะลดลงนั้นมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บอกว่า เพราะประชาชนยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ภัยแล้งที่มีผลกระทบต่อการใช้จ่าย และปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ทำให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น วางแผนเดินทางท่องเที่ยวน้อยลง

“บรรยากาศการไหว้เจ้า การทำบุญ และการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนถือว่ายังคงคึกคักเหมือนเดิม แต่ก็จะลดปริมาณการซื้อลงจากเดิม คือคนจะไปร่วมกิจกรรมแต่จะไม่ค่อยใช้จ่าย” มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยสรุปในช่วงท้ายของการแถลง

ถามว่าผมเห็นด้วยไหมก็คงต้องตอบว่า เห็นด้วยไปกว่าครึ่งเลยครับ เพราะการสำรวจของ ม.หอการค้าไทยทำมาหลายปีถูกต้องมาตลอด

แต่ที่ผมเป็นห่วงมากกว่านั้นก็เนื่องจากการสำรวจครั้งนี้ยังไม่ครอบคลุมปัญหาใหญ่ ล่าสุดปัญหาหนึ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเร็วๆ นี้เองและเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้ผู้คนตกใจไปทั้งโลก ซึ่งถ้ารออยู่จนถึงเหตุการณ์นี้แล้วตั้งคำถามอาจได้คำตอบที่ทำให้ตรุษจีนเหงายิ่งกว่านี้หลายเท่า

ปัญหาเชื้อ “ไวรัสมรณะ” ตัวใหม่จากเมือง “อู่ฮั่น” หรือ “ไวรัสโคโรนา” ที่ข่าวระบุว่ามีคนป่วยที่เมืองจีนแล้วร่วมๆ 300 คน และตายเพิ่มล่าสุดเห็นว่าใกล้สิบคนเข้าไปแล้วนั่นแหละครับ

ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมานี่เอง เจ้าไวรัสตัวนี้ก็ไประบาดที่สหรัฐฯ มีการพบผู้ป่วยคนแรกแล้ว ทำให้เป็นข่าวใหญ่ของสหรัฐฯ ถึงขั้นต้องมีการเฝ้าระวังขนานใหญ่ตามสนามบินทั่วประเทศ

หุ้นสหรัฐฯ ตกทั้ง 3 ตลาดหลักในวันอังคาร และนักวิเคราะห์รายหนึ่งบอกว่า เจ้าโคโรนาเป็นเหตุสำคัญ

ขนาดจีนกับสหรัฐฯ อยู่ห่างกันไกลโขยังทำให้หุ้นตกได้ก็ทำให้นึกถึงบ้านเราซึ่งใกล้กว่าเขาเยอะ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ยิ่งบอกว่าตรุษจีนปีนี้คนจีนจะมาเที่ยวไทยกว่า 3 แสนคน ก็จะยิ่งทำให้คนไทยเชื้อสายจีนที่ตั้งใจจะไปเที่ยว สมมติว่าอยากไปเยาวราชเอาเข้าจริงจะไปหรือเปล่า? เพราะไม่รู้ว่าทัวร์จีนที่มาเยอะๆ นั้นจะหอบเชื้อโรคตัวนี้มาด้วยหรือไม่?

รวมทั้งทัวร์จีนเองที่ว่าจะมากันเยอะนั้นลงท้ายแล้วจะบอกยกเลิกการเดินทาง เพราะหวาดกลัวไวรัสกันบ้างหรือไม่? อย่างไร?

ผมก็ได้แต่ภาวนาขออย่าให้สิ่งที่ผมห่วงใยเกิดขึ้นเลย รวมทั้งภาวนาขอให้คำทำนายของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่บอกว่า การใช้จ่ายจะน้อยลงนั้น จงผิดเสียตั้งแต่ต้น คือพลิกล็อกมีผู้คนออกมาใช้จ่ายตรุษจีนชนิดถล่มทลาย ไปเที่ยวด้วยควักเงินจ่ายด้วยว่างั้นเถอะ

ไม่ใช่อะไรหรอก สงสารคณะกรรมการจัดงานต่างๆ น่ะครับ ที่ทุ่มเทกันมาก โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าทั้งหลายที่ซบเซามาตลอด ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ก็หวังว่าตรุษจีนนี้จะกระเตื้องขึ้นมาบ้าง ลงทุนจัดงานกันเต็มที่

ถ้าตรุษจีนโดนน็อกอีกหนก็คงจะเสียกำลังใจไปตามๆ กัน

ใจดีสู้เสือ เอ๊ย! ใจดีสู้หนู หรือปีหนูกันนะครับ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด…ขอให้ “ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้” สวัสดีปีใหม่แบบจีนแด่ท่านผู้อ่านทุกๆ ท่านครับ.

“ซูม”