ออนเซนเข็นกระเป๋า ฝึกอาชีพที่ “KidZania” (ตอนที่ 2)

หลังจากที่ในตอนแรกนั้นพูดถึงความเป็นมาของ KidZania กันมาเสียยาวแล้ว ในตอนนี้เรามาเริ่มรีวิวเมืองและกิจกรรมต่างๆ กันค่ะ

เมื่อมาถึงเมือง KidZania แล้วให้ไป check in ที่ Airport counter ด้านหน้า เพื่อรับ Boarding pass แผนที่เมืองและเช็ค เจ้าหน้าที่จะสวม wristband ให้โดยแยกเป็นครอบครัว เพื่อสะดวกในการ check out และป้องกันการพลัดหลง (เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ จะสวม wristband ไว้ที่รถเข็นแทนค่ะ) จากนั้นนำ boarding pass ไปให้เจ้าหน้าที่ที่ประตูเมืองได้เลย

พอเข้าไปได้แล้วสิ่งแรกที่ต้องทำคือ นำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคารค่ะ ถ้าโชคดีจะได้นั่งรถบัสเข้าไป หลังจากได้รับเงินก้นถุงคนละ 50 คิดส์โซเรียบร้อย เราก็มองหาอาชีพที่ชอบ แล้วตะลุยเมืองคิดส์ซาเนียกันค่ะ

เราเริ่มจากเดินไปจดเวลารอบกิจกรรมที่เล็งไว้ จากนั้นก็มองหากิจกรรมที่คิวน้อยๆ คอยมองนาฬิกาบ่อยๆ เพื่อไม่ให้พลาดรอบกิจกรรมที่เล็งไว้ค่ะ เพราะกิจกรรมนั้นมีให้เลือกมากมายจริงๆ

ออนเซนได้ไปเล่นมาหลายกิจกรรมมาก กิจกรรมที่ชอบมากที่สุดคือ “นักมายากล” ค่ะ เพราะได้โชว์มายากลหลากชนิด อาทิ เสกไม้เท้าให้เปลี่ยนสี เสกดอกไม้ด้วยไม้เท้า เปลี่ยนสีผ้าพันคอ เสกดอกไม้ใส่กล่อง เสกดอกไม้ให้หายไป เสกดอกไม้เต็มต้น และเปลี่ยนไพ่

โดยจะเปิดรับสมัครแค่วันละ 2 รอบ ใช้เวลาฝึกซ้อม 20 นาที ปกติจะรับถึง 8 คน แต่ในรอบของออนเซนกลายเป็นการแสดงเดี่ยวมายากลเลยค่ะ พอซ้อมเสร็จจากนั้นก็ขึ้นแสดงจริงที่โรงละครที่ตั้งอยู่ภายใน KidZania ขอบอกว่าเป็นโรงละครที่จริงจังมาก มีเวทีอย่างกว้าง มีที่นั่งน่าจะประมาณ 100 ที่ได้ แสงสีเสียงมีครบ และเปิดให้คนเข้าชมการแสดงจริงๆ ด้วยค่ะ และถ้าใครชื่นชอบมายากลแบบจริงจังก็สามารถเลือกซื้ออุปกรณ์มายากลกลับบ้านได้ด้วยนะคะ

อีกอาชีพที่ออนเซนอยากทำคือ “นางแบบ” แต่รอบเวลาไม่ได้ เพราะซ้อนกันกับ “นักแสดงละครเวที” ออนเซนจึงเลือกละครเวที เพราะยังไม่เคยทำมาก่อน เนื่องจากวันธรรมดาเปิดรับสมัครรอบเดียวเท่านั้น ถ้าวันหยุดจะเปิด 2 รอบ เพื่อประหยัดเวลาและกลัวเต็ม ก็เลยใช้วิธีทานมื้อกลางวันระหว่างเข้าแถวรอสมัครนักแสดงค่ะ

ออนเซนเลือกเล่นบท “ทิงเกอร์เบลล์” ในเรื่อง Peter Pan เป็นน้องจิ๋วเลยไม่มีบทพูดค่ะ ส่วนพี่ที่โตหน่อยก็จะมีบทพูดด้วย ใช้เวลาฝึกซ้อม 60 นาที แล้วขึ้นแสดงจริงในโรงละคร ที่มีผู้ชมค่อนข้างหนาตาค่ะ และกลายเป็นว่าออนเซนชอบ “นักแสดงละครเวที” มากๆ

อีกอาชีพที่น่าสนใจก็คือ “นักเต้น Disco Lounge” อาชีพนี้เปิดรับสมัคร 5-6 รอบต่อวัน โดยต้องเรียนเต้นก่อนประมาณ 15 นาที แล้วออกไปแสดงที่ลานกลางเมืองหน้าโรงละคร ถ้าเป็น Freestyle dance ไม่มีรอบ (แต่เสียคิดส์โซ)

ถ้าจะไปเรียนเต้นตอนช่วงต้นชั่วโมง แนะนำให้แวะที่ City Clock เพื่อไปเต้นก่อนระฆังบอกเวลาค่ะ (ได้คิดส์โซด้วยนะ)

สำหรับเด็กผู้หญิงห้ามพลาดกับอาชีพ “แอร์โฮสเตส” นะคะ เพราะจะเรียนรู้การประกาศต้อนรับบนเครื่องบิน อธิบายความปลอดภัยต่างๆ เสิร์ฟอาหารและเก็บใส่รถเข็นอย่างเป็นระเบียบ บนเครื่องบินจำลองที่เหมือนจริงมากๆ ส่วนผู้ชายจะชอบอาชีพ “นักบิน” เป็นพิเศษ เพราะจะได้ฝึกบังคับเครื่องบินในเครื่อง simulator ด้วยคะ

ส่วนเพื่อนๆ คนไหนที่ชื่นชอบด้านความสวยงามอาจจะแวะแต่งหน้าทาเล็บที่ซาลอนก่อนก็ได้ มีบูธเพ้นท์หน้าและร้อยสร้อยอีกด้วย (2 อย่างหลังต้องจ่ายเพิ่มค่ะ)”

บทบาทสมมติที่มีใน KidZania นั้นมีมากมายอย่างที่ได้บอกไว้ตั้งแต่ต้น จึงอยากจะขอยกตัวอย่างเป็นบางอาชีพนะคะ

“นักเรียน” เป็นหนึ่งบทบาทที่มี่ แต่วิชาที่เรียนนั้นไม่ไก่กาคือ เรียน ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ออนเซนเรียนเรื่องแผ่นดินไหว แล้วขึ้นโครงสร้างเพื่อทดสอบความแข็งแรงจากการสั่นสะเทือนจริง พอเรียนเสร็จก็จะได้บัตรจบหลักสูตร ซึ่งสามารถนำไปแสดงเพื่อรับคิดส์โซเพิ่มได้ในกิจกรรมที่ระบุค่ะ”

“พนักงานขายของ” ในร้าน 7-11ก็เป็นอีกอาชีพที่สนุก เพราะได้เรียนรู้การจัดวางสินค้า การใช้เครื่องคิดเงิน ลงมือปฏิบัติเป็นพนักงานขายของ สลับกับเป็นลูกค้า เดินหยิบของตาม shopping list และต้องนำไปเก็บเข้าที่

“นักจัดดอกไม้” เรียนรู้เทคนิคการจัดวางดอกไม้ในรูปแบบต่างๆ แล้วลงมือจัดดอกไม้พลาสติก

“ศิลปิน” เรียนรู้เรื่องศิลปะแขนงต่างไป แล้วแต่ว่ากิจกรรมในวันนั้นคืออะไร ไปครั้งแรกได้ทำหมวกแม่มด ต้อนรับธีมฮาโลวีน อีกครั้งระบายสีคู่สีตรงข้ามค่ะ

อย่างที่บอกกิจกรรมที่นี่นั้นจริงจัง และเสมือนจริง บางกิจกรรมนั้นได้นั่งรถออกไปนอกสถานที่อย่าง “นักดับเพลิง” ก็ได้เรียนรู้การป้องกันเหตุเพลิงไหม้ มีการวอร์มร่างกายให้พร้อม แล้วนั่งรถออกไปดับเพลิงกัน

เมื่อเพลิงดับแล้ว รถพยาบาลก็จะออกมาจากโรงพยาบาล พร้อม “หมอฉุกเฉิน” เพื่อรักษาคนไข้ ณ สถานที่ประสบอุบัติเหตุ โดยต้องผ่านการเรียนรู้เรื่องตรวจรักษาผู้ป่วยเบื้องต้น อาทิ วัดความดัน ชีพจร และวัดไข้ หากผู้ป่วยอาการสาหัส ก็จะเป็นหน้าที่ของ “หมอผ่าตัด” โดยเราจะได้เรียนรู้อวัยวะภายในร่างกายภายในห้องผ่าตัดด้วยค่ะ

ส่วนอาชีพหมออื่นๆ ที่มี อาทิ “หมอส่องกล้อง” ได้ทดลองฉีดยา ส่องกล้อง ดูจออัลตร้าซาวด์, “กุมารแพทย์” เรียนรู้วิธีการพยาบาลทารก การอุ้ม อาบน้ำ ห่อตัว ชั่งน้ำหนัก, “จักษุแพทย์” เรียนรู้เรื่องเลนส์ การวัดสายตา การตรวจตาบอดสี, “ทันตแพทย์” เรียนรู้เรื่องของฟัน อุปกรณ์ของหมอฟัน การแปรงฟันที่ถูกวิธี และ “สัตวแพทย์” เรียนรู้การพยาบาลสัตว์นานาชนิด

กิจกรรมที่ต้องเดินไปมาระหว่างร้านค้า อาทิ “ตำรวจ” เรียนรู้การสอบสวนสืบสวน สังเกตุการณ์ต่างๆ แล้วออกไปหาข้อมูลเพื่อจับผู้ร้าย, “คนส่งซอสมะเขือเทศ” คัดมะเขือเทศจากสวนไปส่งที่โรงงาน, “พนักงานส่งของ” จัดเตรียมจดหมาย พัสดุ แผนที่ และแฟ้มข้อมูล จากนั้นก็ส่งของให้ถึงมือผู้รับ, “ช่างภาพ” เรียนการใช้กล้อง การจัดวาง layout นำกล้องออกไปถ่ายตามมุมต่างๆ ที่ระบุไว้

กิจกรรมที่แมนๆ หน่อย เช่น “พนักงานเติมน้ำมัน” เรียนรู้เรื่องน้ำมันเชื้อเพลิง แล้วลงมือเติมน้ำมัน, “ช่างซ่อมรถ” เรียนรู้การดูแลรักษาเครื่องยนต์และรถเบื้องต้น เติมลมยาง เปลี่ยนล้อรถ, “นักออกแบบสีทาบ้าน” เรียนรู้การนำแม่สีมาผสมกันให้ได้สีต่างๆ ทดลองประสิทธิภาพของสีแบบเช็ดล้างได้ ตกแต่งผนังห้องนอนตามภาพตัวอย่าง, “วิศวกรก่อสร้าง” เรียนรู้การใช้เครนในการชักรอก ฝึกการควบคุมเครน,

“นักวิจัยน้ำ” เดินลงไปยังชั้นใต้ดิน เรียนรู้เรื่องกรดด่าง กระบวนการผลิตน้ำ และลงมือผลิตน้ำขวดด้วยตนเอง, “นักออกแบบตกแต่งภายใน” เรียนรู้ทฤษฎีการออกแบบ แล้วลงมือแต่งห้องของจริง งานนี้ต้องออกแรงยกกันเล็กน้อย, “นักฟุตบอล” ฝึกซ้อมและลงสนาม แข่งกันจริงจังเลยค่ะ

กิจกรรมที่ได้ของกิน อาทิ “Milk Factory” ผลิตนมด้วยตนเอง เริ่มเรียนรู้จากการวิจัยโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ และเรียนรู้กระบวนการผลิต,

“Yum Yum Noodle shop” เรียนรู้กระบวนการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ลงมือทำโดยเลือกเครื่องปรุงได้ตามชอบ และออกแบบถ้วยบะหมี่, “McDonald” เรียนทำแฮมเบอร์เกอร์ แล้วลงมือปฏิบัติ, “Yogurt Melt” เรียนรู้การทำโยเกิร์ตเม็ด พร้อมลงมือตกแต่งไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟด้วยโยเกิร์ตเม็ด, “โก๋แก่” เรียนรู้กระบวนการผลิตโก๋แก่ ลงมือคัดถั่ว แล้วแพ็คโก๋แก่ของตัวเอง, “Roza” ผลิตซอสมะเขือเทศ หลังจากเรียนรู้กระบวนการผลิต

กิจกรรมที่มีกำหนดความสูงขั้นต่ำไว้ ได้แก่ “ปีนผา”, “สายลับจารชน”, “พนักงานขายรถ”

ส่วนกิจกรรมที่เหมาะสำหรับเด็กโต อาทิ “ผู้ประกาศข่าว”, “ช่างกล้องโทรทรรศน์” เป็นต้น

ครอบครัวไหนที่มีเด็กเล็กไปด้วยก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะเบื่อ เพราะต้องเดินตามพี่ๆ เพราะที่ชั้น 2 โซนด้านหน้า จะเป็นโซนสำหรับเด็กเล็ก มีโรงเรียนเด็กเล็ก และห้องสันทนาการ น้องโอโซนอยู่เล่นได้สบายๆ เลยค่ะ เพราะมีทั้งห้องครัว บ่อบอล โบว์ลิ่ว ชู้ตบาส และบ่อทราย

ออนเซนสนุกกับการฝึกอาชีพนานาชนิด ได้รับความรู้ต่างๆ มากมาย เรียกได้ว่ามากี่ครั้งก็ไม่เบื่อค่ะ นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ที่เข้ามาเฝ้าดูลูกทำกิจกรรม ก็ได้ความรู้และได้เปิดหูเปิดตาไปด้วย เพราะแบรนด์ต่างๆ ก็พร้อมใจจำลองสถานที่เสมือนจริง ทั้งนี้ ผู้ปกครองจะต่อคิวแทนเด็กๆ ไม่ได้นะคะ เพื่อให้เด็กได้ฝึกความอดทนค่ะ

เมืองนี้เข้าออกได้เพียงวันละครั้งเดียวนะคะ ไม่ต้องกลัวหิว เพราะด้านในมีทั้ง McDonald ร้านอาหารประจำเมืองและคาเฟ่พร้อม เรียกได้ว่า เล่นไปทานไปได้สบายๆ ส่วนราคาก็จะสูงกว่าร้านทั่วไปเล็กน้อย อาจจะพกกระติกน้ำดื่มใส่กระเป๋าไปได้ก็จะดีค่ะ

อ้อ! ใครไม่ชอบต่อคิวยาวๆ อย่าเข้าเมืองในวันหยุดนะคะ แนะนำให้มาวันธรรมดา ถึงแม้จะมีเวลาน้อยกว่า (แค่ 7 ชั่วโมง) แต่ก็จะได้เล่นเยอะหน่อย

ออนเซนไปวันธรรมดาเลยฝึกอาชีพถึง 15 รายการค่ะ จะเล่นอะไรไม่ต้องรอต่อคิวเลยสักนิด ขุ่นแม่ชอบตรงนี้

ออนเซนเข็นกระเป๋า