เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ท่านผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยุทธศักดิ์ สุภสร ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (2562) ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศอยู่ในภาวะทรงตัว คือยังเพิ่มขึ้นอยู่ แต่เพิ่มในอัตราไม่สูงนัก
ท่านบอกว่า ยอดนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาบ้านเรา ในช่วง 6 เดือนแรกมีจำนวน 19.9 ล้านคน ขยายตัวเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ และสร้างรายได้เข้าประเทศ 1 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3 เปอร์เซ็นต์
มองเฉพาะรายได้ที่เราตั้งเป้าว่าทั้งปีตลาดต่างประเทศควรจะเพิ่มขึ้น 12 เปอร์เซ็นต์ เป็นวงเงิน 2.2 ล้านล้านบาท จะเห็นว่าเราคงจะต้องออกแรงพอสมควรสำหรับ 6 เดือนที่เหลือ เพื่อให้ได้เป้าหมายตามที่เราตั้งไว้
จากตัวเลขที่ท่านผู้ว่าฯ แถลงไว้พบว่า ภูมิภาคที่นักท่องเที่ยวยังเติบโตดี ได้แก่เอเชียใต้ เพิ่มขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์ และอาเซียน 5 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น ส่วนภูมิภาคที่ทรงตัวได้แก่ เอเชียตะวันออก เพิ่ม 0.1 เปอร์เซ็นต์ แอฟริกา 0.1 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ยุโรปลดลงไป 0.7 เปอร์เซ็นต์
ผมอ่านตัวเลขแล้วก็เห็นด้วย เพราะเมื่อ 2 วันก่อนผมแวะไปเที่ยวซาฟารีเวิลด์กับหลานๆ พบว่า “ทัวร์อินเดีย” ซึ่งมาจาก เอเชียใต้ ยังแน่นปั๋ง แน่นถึงประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของคนที่เข้าไปดูสัตว์ (รวมทั้งคนไทยด้วย) เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วเลยทีเดียว
สาเหตุที่เกิดภาวะทรงตัวนั้น ท่านผู้ว่าฯ มองว่ามาจากปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปและหลายๆ แห่งทั่วโลก รวมทั้งจีนเอง อันเนื่องมาจากภาวะสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกา
ที่สำคัญก็คือการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งช่วงนี้แข็งโป๊กจริงๆ ส่งผลให้สินค้าไทยและบริการไทยราคาแพงไปหมดในสายตาคนต่างประเทศ ทำให้ความอยากซื้อของไทยและมาเที่ยวเมืองไทยลดลงเป็นเงาตามตัว
แต่ท่านผู้ว่าฯ ก็ยังมองในแง่ดีสำหรับครึ่งปีหลัง โดยเชื่อว่าทุกๆ ภูมิภาคน่าจะมีแนวโน้มในการขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งการกลับมาฟื้นตัวของจีนที่คาดว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น จะมีส่วนทำให้นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น
ผมเองไม่ค่อยแน่ใจ แต่ก็เอาใจช่วยท่านเต็มที่ ขอให้ครึ่งปีหลังทุกสิ่งทุกอย่างฟื้นตัวกลับมาเหมือนเดิม โดยเฉพาะการพบกันระหว่าง ประธานาธิบดี ทรัมป์ กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่โอซากา ในการประชุมจี 20 ในอีกไม่กี่วันนี้ ขอให้จบลงด้วยดี นำไปสู่การคลี่คลายปัญหาสงครามการค้า ได้อย่างที่ผู้คนจำนวนมากตั้งความหวังไว้
หากว่าบรรยากาศต่างๆ ดีขึ้นทั่วโลก ก็เป็นไปได้ที่ผู้คนทั่วโลกจะพากันออกไปเดินทางท่องเที่ยวอีกหน
ผมหวังว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่ผมเชื่อมือมานานแล้วจะคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหามุกหาวิธีการในการที่จะดึงนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวเมืองไทยจนตัวเลขทะลุเป้าได้ในที่สุด
จริงๆ แล้วผมอยากได้นักท่องเที่ยวยุโรป หรือจากสหรัฐอเมริกา หรือญี่ปุ่น ที่ค่อนข้างมีเงินใช้จ่ายมือเป็นระวิงอย่างสมัยก่อน
ยุคนักท่องเที่ยวจีน แม้จะมีรายได้เยอะ แต่ก็เสียเยอะ เพราะเขามีขบวนการที่มาตักตวงรายได้จากการท่องเที่ยวกลับไปเป็นของเขาเอง จนบางช่วงเวลาเราแทบไม่เหลืออะไร
โชคดีที่ช่วงหลังๆ เราปรับตัวทัน สามารถแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญไปได้ และทุกวันนี้นักท่องเที่ยวจีนประเภทมาเองเยอะมาก ไม่ค่อยผ่านทัวร์จะทำให้ออกไปจับจ่ายใช้สอยกระจายออกไปในวงกว้างมากขึ้น
สำหรับนักท่องเที่ยวเอเชียใต้ โดยเฉพาะจากอินเดียช่วงหลังมามากและเป็นรายได้หลักเลยนั้น แม้จะมีปัญหาหลายๆ สิ่งหลายอย่างที่ผมคงไม่สามารถเขียนถึงในที่นี้ได้ แต่เมื่อเป็นลูกค้าหลักเสียแล้ว เราก็คงต้องต้อนรับขับสู้ดูแลให้ดีที่สุด
ประสบการณ์ที่ทำมาหากินกับการท่องเที่ยวมานานสอนเราว่า เราคงไม่สามารถเลือกลูกค้าได้อย่างใจเราหรอกครับ เพราะมันเป็นกฎธรรมชาติของมนุษย์เราอยู่แล้วที่จะเบื่อความซ้ำซากจำเจต้องไปหาของใหม่ หรือที่ใหม่อยู่เสมอ
นักท่องเที่ยวซึ่งเป็นมนุษย์ย่อมมีคุณลักษณะเช่นว่านี้ มาไทย 2-3 ครั้งก็เบื่อต้องไปหาที่อื่นบ้าง ทำให้ลูกค้าของเราเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ
รักจะใช้การท่องเที่ยวเป็นรายได้หลัก ก็ต้องเข้าใจความจริงข้อนี้ และต้องยอมรับความจริงที่ว่า ลูกค้าเก่าคุณภาพดีมักหนีเราไป และลูกค้าใหม่ที่เข้ามาแทนคุณภาพมักจะลดลงกว่าเดิม ได้แค่ไหน ก็คงต้องทำใจไว้แค่นั้นละครับ.
“ซูม”