สำหรับแอนิเมชันเรื่อง “Toy Story” ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตำนานของ 3d แอนิเมชัน ที่เรียกได้ว่าเปลี่ยนโลกของการชมการ์ตูนเมื่อปี 1995 หรือเมื่อ 24 ปีที่แล้ว จาก ภาพยนตร์การ์ตูน 2D หรือ 2 มิติ มาเป็นภาพยนตร์ 3D ที่สร้างจากคอมพิวเตอร์เสมือนจริงทั้งเรื่อง
ผมจำได้ว่าตอนที่ภาพยนตร์เรื่อง Toy Story ภาคแรกฉายตอนนั้นผมกำลังเรียนอยู่ที่อเมริกา หลังจากที่ดูจบ ผมก็คลั่งไคล้ตัวการ์ตูนของหนังเรื่องนี้ในทันใด โดยเฉพาะเจ้า “เอเลี่ยน 3 ตา” ที่อยู่ในเครื่องคีบตุ๊กตา
ผมเองเป็นคนที่ชอบดูการ์ตูนดีสนีย์อยู่แล้ว เพราะมักจะสอดแทรกอะไรสาระดีๆ ให้กับผู้ชมอยู่เสมอ เช่นเดียวกันกับ Toy Story ที่จะพูดถีงเรื่องความฝันและจินตนาการในวัยเด็ก ความรักของเพื่อนและครอบครัว หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ และการผจญภัย เป็นเนื้อหาหลักมาตลอด
ซึ่งรวมถึงในภาคที่ 4 นี้ ที่โครงเรื่องยังคงพูดถึงทั้ง 3 เรื่องที่ผมกล่าวมาข้างต้นอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนวิธีการเล่าเรื่องใหม่ และเพิ่มความเป็นตัวตนของตัวละครมากขึ้น จนรู้สึกว่าตัวละครเหล่านี้มีชีวิตจริงๆ
จากของเล่นชุดเดิมที่ถูกส่งต่อมาให้สร้างความสุขให้กับเด็กผู้หญิงอีกคนทำให้เกิดเรื่องราวของการผจญภัยครั้งใหม่ของ “นายอำเภอวู๊ดดี้” และผองเพื่อน ที่ต้องไปช่วย “มิสเตอร์ ฟอร์กกี้” เพื่อนใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นจากขยะในวันแรกที่เด็กน้อย “บอนนี่” เข้าเรียนอนุบาล
ส่วนเรื่องราวจะสนุกสนาน โกลาหนขนาดไหนก็ไปชมกันเอาเองนะครับ
แต่ความรู้สึกหลังจากที่ผมดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ผมรู้สึกว่าเบื้องลึกของมุกต่างๆ การผจญภัย และเรื่องราวทั้งหมด ทำให้ของเล่นทุกตัวมีชีวิตมี “คุณค่า” และ “ความรู้สึก” มากมาย
“คุณค่า” คือ การที่ได้เกิดมาแล้วมีหน้าที่สร้างความสุขให้กับเด็ก จนวันสุดท้ายที่เด็กไม่ต้องการ ก็ยังคงส่งต่อหน้าที่นี้ให้กับของเล่นรุ่นใหม่ที่มาแทน
ส่วน “ความรู้สึก” คือเรื่องของ “ความรัก” และ “ความปรารถนาดี” ของเหล่าบรรดาของเล่นทั้งหลายที่มีให้กันเองและมีให้เจ้าของ ผมดูแล้วมีซึ้งมีอินน้ำตาซึมเลยละครับ
ในเรื่องของคอมพิวเตอร์กราฟฟิกนั้นเรียกได้ว่าขั้นเทพ ตอนที่ Toy Story ภาคแรกมาว่าเนี้ยบแล้ว ภาค 4 นี้เนี้ยบยิ่งกว่า เพราะผ่านมาถึง 24 ปี เทคโนโลยี และทีมงานอีกหลายร้อยชีวิตก็มีการพัฒนาขึ้นอย่างมากมาย ผมไปรู้มาว่าหนึ่งในทีมงานนั้นก็มีคนไทยร่วมอยู่ด้วยเช่นกัน
ขอบอกเลยว่าภาพยนตร์ในตำนานเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ “ต้องดู” เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี
ถ้าเข้าไม่ถึงก็เป็นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องหนึ่งที่สนุก แต่ถ้าเข้าถึงก็จะรู้ว่า Toy Story 4 เป็นภาพยนตร์ที่แฝงไว้ด้วยความลึกซึ้งในแง่มุมต่างๆ มากกว่าภาพยนตร์การ์ตูนทั่วๆ ไป
ผมให้เลย 10/10 ครับ
ปล. นั่งดูยาวๆ เพราะจะมีบทสรุปของตอนนี้ในตอนท้ายช่วงเครดิต
ซูม จูเนียร์