ไปล่อง “เจ้าพระยา” กับเรือ Hop On Hop Off

เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนทีมงานซอกแซกได้รับเชิญจาก “บริษัท เจ้าพระยาทัวริสต์โบ๊ท” ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของเรือท่องเที่ยวนำนักท่องเที่ยวตระเวนขึ้นล่องในลำน้ำเจ้าพระยามาหลายปีแล้ว

ขอให้ทีมงานลองสมมติตัวเองเป็นนักท่องเที่ยวไปนั่งเรือรับลมชมวิว 2 ฝั่งกรุงเทพมหานครดูบ้าง เผื่อจะได้เรื่องได้ราวประเภทซอกแซกมาฝากแฟนๆ

หัวหน้าทีมเป็นคนรักแม่น้ำอยู่แล้ว ยิ่งแม่น้ำเจ้าพระยายิ่งรักมาก เพราะเกิดและโตที่นครสวรรค์เมืองต้นน้ำเจ้าพระยา มีความผูกพันมาตั้งแต่เด็กๆ ใครชวนไปล่องเรือเจ้าพระยามักไม่ปฏิเสธรวมทั้งครั้งนี้

เมื่อยกทีมไปถึงจุดนัดหมาย คือ ท่ามหาราช โน่นแล้ว จึงทราบว่า บริษัทเรือท่องเที่ยวบริษัทนี้อยู่ในเครือเดียวกับ บริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา ที่ให้บริการรับส่งผู้โดยสารในลำน้ำเจ้าพระยามาเป็นเวลายาวนานกว่า 45 ปีนั่นเอง

ได้รับเกียรติจากท่านประธาน บริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา ที่สื่อมวลชนมักเรียกว่า “เจ้าแม่เรือด่วน” คุณ สุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม มาต้อนรับทีมงานซอกแซก และขันอาสาเป็นมัคคุเทศก์กิตติมศักดิ์ให้ สำหรับทัวร์ลำน้ำเจ้าพระยาทริปนี้

ยิ่งกว่านั้นยังมีน้องสาวคนเดียวของท่านประธานผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างดียิ่งของคนไทยทั้งประเทศ คุณภัทราวดี มีชูธน ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงประเภทละครเวทีและภาพยนตร์ พ.ศ.2557 มาเป็นนักท่องเที่ยวพิเศษที่จะล่องเรือไปด้วยกันอีกท่านหนึ่ง

ทำให้รายการนั่งเรือล่องเจ้าพระยาของหัวหน้าทีมซอกแซกครั้งนี้มิใช่จะเป็นเรื่องของการรับลมชมวิวเพียงอย่างเดียวเสียแล้ว เพราะกลายเป็นว่าระหว่างนั่งเรือไปด้วยกันนั้นก็ได้ฟังเรื่องเล่าของธุรกิจการเดินเรือในลำน้ำเจ้าพระยาทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ประดับความรู้ไปด้วย จากการบอกเล่าของเจ้าแม่เรือด่วน

ครั้นเมื่อลงจากเรือไปรับประทานอาหารค่ำก็ยังได้พูดคุยอย่างเป็นกันเองกับ “คุณเล็ก” ภัทราวดี มีชูธน ได้ทราบถึงเรื่องราวที่น่าสนใจที่อยู่เบื้องหลังความเป็นศิลปินแห่งชาติของเธออีกมากมาย

เก็บไว้เขียน “ซอกแซก” ได้อีกหลายสัปดาห์ ว่าอย่างนั้นเถอะ

มาเริ่มกันที่เรือท่องเที่ยว เจ้าพระยาทัวริสต์โบ๊ท หรือที่มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Hop On Hop Off Boat ในฐานะเจ้าภาพโดยตรงเสียก่อนก็แล้วกัน

คุณสุภาพรเล่าว่าโครงการเรือท่องเที่ยวที่วิ่งขึ้น วิ่งล่อง ของเธอโครงการนี้เริ่มขึ้นเมื่อปี 2546 หรือประมาณ 15-16 ปีที่แล้ว โดยต่อยอดมาจากการเดิน เรือด่วนเจ้าพระยาที่วิ่งรับขนส่งผู้โดยสารตั้งแต่สาทรไปจนถึงนนทบุรีนั่นแหละ

เธอพบว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มาเที่ยวแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนหนึ่งจะมาเที่ยวกันเอง และจะนั่งเรือด่วนร่วมกับ ประชาชนชาวไทยไปลงตามท่าต่างๆ แล้วก็แวะขึ้นเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ๆ ท่าเหล่านั้น

ทำให้เกิดความคิดว่าถ้าจัดเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่กว่าเรือด่วนและนั่งสบายๆ มาเสริม แล้วเปิดขายบัตรโดยตรงน่าจะมีผู้โดยสารพอเพียงที่จะเลี้ยงตัวได้

ทางบริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา ซึ่งมีอู่ต่อเรืออยู่แล้ว จึงต่อเรือท่องเที่ยวสำหรับผู้โดยสาร 150 คน ที่เรียกว่า Monohull boat ขึ้นมาทดลอง โดยมีที่นั่งทั้งชั้นล่างอย่างเรือธรรมดาๆ และมีชั้น 2 ซึ่งอยู่บนหลังคาเรือสำหรับคนที่ประสงค์อยากจะนั่งรับลมและเห็นวิว 2 ฝั่งอย่างชัดเจน

แรกๆ ก็จะเริ่มออกเรือตั้งแต่ 9 โมงเช้า จากท่าสาทรขึ้นไปเรื่อยๆ ไปจนถึงท่าพระอาทิตย์ โดยจะออกเรือทุกๆ ครึ่งชั่วโมง จนถึง 6 โมงเย็นเป็นเที่ยวสุดท้าย คิดค่าโดยสาร 60 บาท ต่อการเดินทาง 1 ท่า แต่ถ้าจะซื้อตั๋วทั้งวันลงได้ทุกท่าจะขึ้นลงวันละกี่เที่ยวก็ได้ภายใน 9 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น จะคิดราคา 200 บาท

จนล่าสุดเมื่อ 2 ฝั่งเจ้าพระยามีการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืนเพิ่มขึ้น มีท่าเรือที่มีสีสัน มีการประดับไฟฟ้าสวยงามตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งการเกิดขึ้นของโครงการ ไอคอนสยาม ทางบริษัทเจ้าพระยาทัวริสต์โบ๊ท จึงจัดขายตั๋วเพิ่มอีก 2 แบบ สำหรับคนชอบเจ้าพระยาราตรี

คือ 200 บาทเหมือนกัน แต่จะต้องมาลงเรือระหว่างบ่าย 3 โมง ซึ่งจะวิ่งไปจนถึง 2 ทุ่มครึ่ง หรือไม่ก็ซื้อตั๋วที่เรียกว่า All Day All Night Pass ในราคา 300 บาท ใช้โดยสารได้ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 2 ทุ่มครึ่งโน่นเลย

โดยจะวิ่งและจอดทั้งหมด 10 ท่าด้วยกัน ดังนี้ สาทร, ไอคอนสยาม, ล้ง1919, ราชวงศ์, ปากคลองตลาด, วัดอรุณ, ท่ามหาราช, สถานีรถไฟธนบุรี และ ท่าพระอาทิตย์

ในแง่ดูวิว 2 ฝั่งเจ้าพระยาจริงๆ อาจยังไม่ทั่วถึงนัก เพราะจะหยุดอยู่แค่ท่าพระอาทิตย์เท่านั้น ส่วนเหนือขึ้นไปตั้งแต่สะพานพระราม 8 จนถึงสะพานกรุงธนบุรี (ซังฮี้) ซึ่งก็ยังมีวิวสวยๆ อีกมากนั้น เรือมิได้วิ่งไปถึง

เที่ยวล่องก็ไปสุดที่ท่าสาทร และอาจเลยไปถึงท่า เอเชียทีค ในบางช่วงเวลา แต่ก็มิได้ลงไปถึงสะพานพระราม 9 และสะพานภูมิพล

แต่จุดเด่นก็คือ การแวะลงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยเฉพาะวัดอรุณ, ท่ามหาราช (เดินไปพระบรมมหาราชวังได้) ปากคลองตลาด (ไปวัดโพธิ์ได้) หรือสถานีรถไฟธนบุรี ซึ่งก็มีพิพิธภัณฑ์ ศิริราชพิมุขสถาน ให้ดูชม และล่าสุดนี้ท่า ไอคอนสยาม เป็นท่าที่ท็อปฮิตที่สุดมีคนขึ้นลงมากที่สุดกว่าใครเพื่อนในแต่ละวัน

สำหรับคนไทยเรากันเอง ขอแนะนำว่าควรไปช่วงบ่าย 3 ถึงค่ำจะดีที่สุด ซื้อตัว One Night River Pass 200 บาท อย่างที่ว่า

เพราะต้องยอมรับว่า วิวที่สวยสุดและลมที่เย็นที่สุดของแม่น้ำเจ้าพระยาจะอยู่ช่วงโพล้เพล้ใกล้พระอาทิตย์ตกดิน (อย่างที่ทีมงานซอกแซกไปเยือนเมื่อสัปดาห์ก่อน) นั่นเอง

ปล. เรื่องเล่า “เจ้าพระยา” คงไม่จบง่ายๆ เสียแล้ว เพราะธุรกิจในลำน้ำเจ้าพระยาทุกวันนี้กำลังบูม และหอมหวานอย่างยิ่ง มีเรื่องน่ารู้มากมายที่ถ่ายทอดจาก “เจ้าแม่เรือด่วน” คนที่คุ้นกับแม่น้ำเจ้าพระยามากที่สุด…สัปดาห์หน้าเราค่อยมาคุยกันต่อนะครับ.

“ซูม”