โครงการบ้านล้านหลัง “ประชานิยม” ที่รับได้

ผมนั่งดูข่าวประชาชนจำนวนมากแห่แหนกันไปจองสิทธิเพื่อกู้เงินรายละ 1 ล้านบาท สำหรับซื้อบ้านตามโครงการ “บ้านล้านหลัง” ของ ธอส. แล้วก็อยากจะเขียนแสดงความชื่นชม และขอบคุณ ธอส. หรือธนาคารอาคารสงเคราะห์ไว้ ณ ที่นี้

ผมติดตามข่าวคราวที่ว่าบอร์ด ธอส.มีการประชุมและเคาะวงเงินออกมา 60,000 ล้านบาท สำหรับโครงการบ้านล้านหลังมาตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคมที่แล้ว

ยังจำได้คร่าวๆ ว่า จากยอดเงินจำนวนนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 10,000 ล้านบาทแรก จะตั้งเป็นสินเชื่อเพื่อโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจด้านที่อยู่อาศัย ท่ีมีราคาขายไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อหน่วย

ส่วนยอดเงินอีก 50,000 ล้านบาท หรือส่วนที่สองตั้งไว้สำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยหรือกลุ่มคนทำงานหรือกลุ่มผู้ที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว สำหรับกู้ไปซื้อที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทที่ว่า

เรียกว่าสนับสนุนทั้งในด้าน “ซัพพลาย” คือกลุ่มผู้สร้างบ้าน ควบคู่ไปกับด้าน “ดีมานด์” คือกลุ่มประชาชนที่ประสงค์จะมีบ้านเป็นของตัวเองเลยทีเดียว

ถ้าผมจำไม่ผิดท่านกรรมผู้จัดการ ธอส. ฉัตรชัย ศิริไล ยังแถลงด้วยว่า มีที่อยู่อาศัยที่พร้อมจะเข้าอยู่ได้ในปลายปี 2561 นี้ หรือต้นปี 2562 กว่า 130,000 หน่วย

แบ่งออกเป็นโครงการที่จะสร้างขึ้นใหม่โดยผู้ประกอบการ ซึ่งส่วนหนึ่งก็จะมาอาศัยเงินกู้นี่แหละ ที่เหลือจะเป็นบ้านขาดส่งหรือบ้านที่ธนาคารต่างๆ ยึดมารวมถึง ธอส.ด้วย

ทำให้จะมีที่อยู่อาศัยพร้อมให้เข้าอยู่ทันทีที่เริ่มโครงการ

ถ้าผมจำไม่ผิดอีกเช่นกันดูเหมือนท่านกรรมการผู้จัดการ ธอส.ยังบอกด้วยว่า ท่านจะเปิดให้จองที่อยู่อาศัยและการกู้เงินในเดือนธันวาคมปีนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามที่ท่านแถลงไว้ทาง ธอส.สามารถเปิดให้มีการจองสิทธิกู้เงิน เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ที่ผ่านมา

ปรากฏว่ามีผู้มาเข้าคิวจองข้ามคืนข้ามวันทั่วประเทศรวมกันคิดเป็นยอดเงินเกือบ 130,000 ล้านบาท เกินเป้าไปอย่างท่วมท้น

ผมก็เดาเอาว่าผู้ที่มาจองในคิวต้นๆ สำหรับ 50,000 ล้านบาท ตามงบที่ตั้งไว้น่าจะได้สิทธิก่อน

ส่วนใครที่อยู่คิวหลังๆ ก็คงรออีกสักพัก ไม่แน่ว่า ธอส.อาจจะหาเงินก้อนใหม่มาให้กู้ยืมไปซื้อบ้านจนครบทุกรายก็เป็นได้

รัฐบาลนี้ท่านใจดี ที่เขาเรียกกันว่ารัฐบาล “สายเปย์” อยู่แล้ว อาจจะหาเงินจากส่วนใดส่วนหนึ่งมาสนับสนุนเพิ่มเติม

โดยส่วนตัวผมเห็นด้วย และถ้าจะมีทางหางบประมาณมาได้ ก็น่าจะทำ เพราะนี่ไม่ใช่การ “แจกเงิน” หรือลดแหลกแจกแถมอย่างที่ดำเนินการกันมา ที่ผมไม่เห็นด้วยและคัดค้านมาตลอด

เพียงแต่เอามาให้ประชาชนยืมและประชาชนก็จะต้องผ่อนชำระคืนตามเงื่อนไข หรือหากผิดนัดผิดสัญญาใดๆในอนาคต ธอส.ก็ยังยึดที่อยู่อาศัยเอาไว้ขายต่อได้

แม้จะเป็นโครงการประชานิยม แต่ก็เป็นประชานิยมแบบมีหลักการและหลักเกณฑ์ สามารถปฏิบัติได้ โดยไม่สะเทือนใจผู้เสียภาษีให้รัฐ

“บ้านคือวิมานของเรา” คุณพี่ สวลี ผกาพันธุ์ นักร้องอมตะในอดีต ท่านเคยขับร้องเพลงนี้เอาไว้ และก็เป็นความจริงเช่นนั้น

ไม่ว่าใครก็อยากจะมี “วิมาน” สักวิมานหนึ่งไว้สำหรับคุ้มฟ้าคุ้มฝนและอยู่อาศัย จึงแห่แหนกันไปจับจองสิทธิอย่างมากมายเป็นประวัติการณ์

ผมถึงได้บอกว่าขอบคุณ ธอส. สำหรับโครงการดีๆ โครงการนี้ และหวังว่าจะมีการเพิ่มมีการขยายจนผู้ที่จองไว้มีสิทธิมีโอกาสครบถ้วน

ว่าแต่ว่า “เงินล้าน” ก็ไม่ใช่น้อยนะ พ่อแม่พี่น้องที่ไปจับจอง…การเป็นหนี้ 1 ล้าน แม้จะดอกเบี้ยถูกก็เหอะ แต่ก็จะต้องผ่อนใช้เป็นเวลายาวนาน ต้องรู้จักจัดสรรเงินเดือนหรือรายได้ต่างๆ ให้จงดี

ผมเองก็เคยผ่อนบ้านกรมประชาสงเคราะห์ ที่ต่อมาโอนเป็นของ การเคหะแห่งชาติ และยังจำความหลังได้ดีถึงวันสุขใจที่เราจับสลากได้สิทธิมีบ้านอยู่ แต่ก็ต้องทนทุกข์พอสมควรเพราะต้องผ่อนส่งยาวนานอยู่หลายปี

จนกระทั่งเราผ่อนครบและได้บ้านทั้งหลังเป็นของเรานั่นแหละ ถึงจะมีความสุขโดยแท้จริง

ขอแสดงความยินดีแก่ 50,000 ท่านที่จะมีบ้านอยู่ เพราะได้กู้ 1 ล้านตามโครงการนี้ ขณะเดียวกันก็ขอแสดงความเห็นใจที่จากนี้ต่อไปท่านจะต้องยากลำบากในการหาเงินมาผ่อนส่ง…ผมไม่ทราบว่าโครงการนี้กี่ปี แต่รุ่นผมน่ะ 15 ปีเลยครับ กว่าจะเป็นไทแก่ตัวเอง.

“ซูม”