หนังสือพิมพ์ไทยรัฐพาดหัวข่าวไว้หน้า 1 พร้อมกับรายงานว่าพิธีเปิด “ไอคอนสยาม” อภิมหาโปรเจกต์ “เมืองแห่งการใช้ชีวิตสู่โลกอนาคตริมแม่น้ำเจ้าพระยา” เมื่อวันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้น มีคนไปร่วมงานกว่า 1 แสนคน นับตั้งแต่เช้ายันดึก ก่อนที่งานจะเลิก
ผมเป็น 1 ในแสนคนที่ว่าได้รับเชิญให้ไปร่วมงานตอน 6 โมงเย็น แต่รีบไปตั้งแต่บ่าย 3 โมง โดยเดินออกด้านหลังโรงพิมพ์ขึ้นรถไฟฟ้า BTS สองต่อ ถึง สถานีสะพานตากสิน บ่าย 3 โมงครึ่งเป๊ะ
ไปลงทะเบียนและรอเรือมารับที่ ท่าเรือสาทร สัก 10 นาที เห็นจะได้ และในที่สุดก็ไปถึงท่า ไอคอนสยาม อีก 5 นาทีจะ 4 โมง เท่ากับใช้เวลาจากโต๊ะทำงานผมที่ไทยรัฐด้วยการ “เดิน+รถไฟฟ้า+เรือ” รวม 55 นาที ก็ไปถึงบริเวณอภิมหางานเฉลิมฉลองเป็นที่เรียบร้อย
นึกว่าเรามาเร็วแล้วนะ ที่ไหนได้เมื่อมองไปที่ลานกว้าง ริเวอร์พาร์ค ริมฝั่งเจ้าพระยา หน้าอาณาจักรศูนย์การค้าใหม่มหึมาแห่งนี้ก็พบว่า มีคนมาเดินยั้วเยี้ยอยู่ก่อนแล้วหลายพันคน
และเมื่อเดินเข้าสู่อาคารที่ 1 ซึ่งใช้เป็นห้องโถง “สุขสยาม” สำหรับการจัดแสดงสินค้า และศิลปวัฒนธรรมต่างๆ จากชุมชนท้องถิ่นทั่วไทย 77 จังหวัด ซึ่งเป็นตึกใกล้ที่สุดจากท่าเรือ
ก็ปรากฏว่ามีผู้คนเดินชมและชิมอาหารจากทุกจังหวัดที่ว่าอีกหลายๆ พันคน…รวมแล้วก็คงเป็นหมื่นคน ก่อนงานเร่ิมถึง 2 ชั่วโมง
หลังจากนั้นผู้คนก็หลั่งไหลมาเรื่อยๆ และส่วนใหญ่ก็มาแบบผมนี่แหละ คือใช้รถไฟฟ้า หรือไม่ก็ขับรถมาจอดที่โรงแรมพันธมิตรฝั่งตรงข้ามแล้วก็นั่งเรือข้ามฟาก
ประมาณ 5 โมงได้กระมังผมเข้าไปข้างในเรียบร้อยแล้ว แต่เห็นคนเดินเปียกปอนเข้ามาหลายคน จึงทราบว่าข้างนอกเกิดภาวะฝนตกหนัก
หนักมากจนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าแล้วพิธีเฉลิมฉลองอันเกรียงไกรริมฝั่งเจ้าพระยาจะมีขึ้นได้ไหมเนี่ย?
ยังนึกบ่นอยู่ในใจว่า “คุณแป๋ม” ชฎาทิพ จูตระกูล เจ้าแม่อภิมหาโปรเจกต์นี้ตัวจริงเสียงจริง ก็เป็นคนเลื่อมใสในขนบประเพณีแบบไทยๆ ตอนเจอพื้นที่ว่างตรงนี้ริมเจ้าพระยา ยังยกมือไหว้เจ้าที่พร้อมบนบานขอให้เจ้าของที่ยอมขายให้เธอด้วยเถอะ
วันนี้คงจะลืมทำพิธีปักตะไคร้ห้ามฝนเสียละกระมัง?
แต่ก็ไม่แน่ เธออาจจะทำแล้วก็ได้ เพราะในที่สุดฝนก็หยุดตก และหยุดแบบสนิทเลย เจ้าหน้าที่ออกมาเช็ดถูกวาดนํ้าทำความสะอาด แผล็บเดียวก็สามารถจัดงานแสดงบนเวทีริมนํ้า อันยิ่งใหญ่ได้ในที่สุด
ในขณะพิธีเฉลิมฉลองเร่ิมขึ้น ผมประมาณด้วยสายตาว่าคงจะมีผู้คนที่อยู่ทั้งในตัวตึกใหญ่ 2 หลัง และบริเวณลานริมนํ้าไม่ตํ่ากว่า 6 หมื่นคน ล้วนชื่นชมและพร้อมใจกันปรบมือให้กับการแสดงชุดนี้
หลายๆ คนอาจจะชื่นชมและชู 2 นิ้ว ให้กับขบวนโดรนทั้ง 1,500 ลำ ที่แปรภาพและอักษรอย่างสุดสวย แต่สำหรับผมกลับชื่นชมการแสดงแบบไทยๆ มากกว่าอะไรทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นการรัวกลอง ซึ่งผมขอเรียกว่า “กองทัพกลองร้อยใบ” หรือรำ 4 ภาค ที่ยกกันมาแบบเต็มพื้นที่ ตบท้ายด้วยโขนซึ่งจับตอนยกรบ พระราม พระลักษณ์ หนุมาน ประจัญบานกับทัพทศกัณฐ์ ท่ามกลางเสียงปี่พาทย์ที่บรรเลงเพลงเชิดเพลงรัวอย่างเร่งเร้า
คนแก่อย่างผม “อิน” มากกับการแสดงชุดนี้ มันตื้นตันใจและภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก ที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย และได้มีส่วนในการเป็นเจ้าของศิลปวัฒนธรรมไทยอันสุดแสนงดงาม
ผมอยากจะสรุปว่า อภิมหาโปรเจกต์ ไอคอนสยาม ของ “หญิงเหล็ก” ชฎาทิพ จูตระกูล ยิ่งใหญ่จริง สมราคาที่เธอเคยนั่งคุยให้พวกเราชาวไทยรัฐฟัง ที่ห้องรับแขกของโรงพิมพ์เมื่อเดือนก่อน
ผมยังเก็บมาเขียนในคอลัมน์นี้ถึง 2 วัน ยกย่องในความกล้าหาญของเธอ ที่กล้าลงทุนในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนอย่างทุกวันนี้
มีเพลงของเบิร์ดอยู่เพลงหนึ่งตั้งชื่อว่า “ด้วยรักและผูกพัน” ที่ผมมักเอามาแปลงเป็น “ด้วยรักและห่วงใย” เวลาที่มีความห่วงใยอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับคนที่ผมรักหรือใกล้ชิดสนิทสนม
ผมถือว่า “คุณแป๋ม” เป็นเสมือนน้องสาวคนที่ผมใกล้ชิดสนิทสนมมายาวนานคนหนึ่ง จึงขออนุญาตที่จะให้กำลังใจด้วยความรักและความห่วงใย และก็หวังว่าด้วยความมุ่งมั่นของเธอ จะทำให้โครงการนี้ประสบผลสำเร็จอย่างงดงามในที่สุดนะครับ.
“ซูม”