ผมเป็นคนชอบเดินซอกแซกออกกำลังย่ำต๊อกไปเรื่อยๆ เมื่อ 2 วันก่อนย่ำไปจนเกือบถึงหน้าตลาดสดแฮปปี้แลนด์ บางกะปิ
ที่นั่นมีตึกห้องแถวที่ดูโทรมๆ อยู่แถวใหญ่ ส่วนมากประกอบการค้ากระจุกกระจิกขายของเล็กๆ น้อยๆ ดูท่าทางขายไม่ดีเท่าไรนัก
แต่ก็มีอยู่ 2 ห้องอยู่เกือบสุดแถวเปิดไว้แบบเป็นสำนักงาน ผู้คน เดินเข้าเดินออกไม่ขาดสาย
แบกกล่องใหญ่บ้างเล็กบ้างไปเข้าคิวเพื่อส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานแห่งนั้นนำไปจัดการอีกต่อหนึ่ง
ที่หน้าสำนักงานมีตัวอักษรสีแสดค่อนข้างใหญ่อ่านได้ใจความว่า Kerry Express ซึ่งพอผมเห็นปุ๊บก็ถึงบางอ้อ เพราะติดตามอ่านข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแบรนด์นี้มาพอสมควร
นี่คือบริษัทจัดส่งพัสดุด่วนไปทั่วประเทศไทย โดยจะให้บริการรับส่งพัสดุและสินค้าถึงที่ในแบบบริการเก็บเงินทั้งต้นทางปลายทางที่มีต้นกำเนิดอยู่ที่ฮ่องกงได้ซุ่มเงียบเข้ามาสู่ประเทศไทยประมาณ 10-12 ปีเข้านี่แล้ว
ผมได้ยินผู้คนรุ่นใหม่พูดถึงบ่อยๆ และเท่าที่ติดตามข่าวคราวก็ทราบว่ากิจการของเขาก้าวหน้าพอสมควร มีผู้ไปใช้บริการค่อนข้างเยอะ
เรียกว่าไปตามถนนต่างๆ ทุกวันนี้จะเห็นรถบรรทุกเล็กๆ บ้างใหญ่ๆ บ้าง รวมทั้งมอเตอร์ไซค์ที่มีคำว่า Kerry Express วิ่งไปมาตลอดทั้งวัน
เพิ่งมาเห็นที่ทำการและสาขาย่อยของเขาอย่างเต็มตาที่แฮปปี้แลนด์นี่แหละ ซึ่งเมื่อเห็นจำนวนผู้คนที่เข้าๆ ออกๆ รวมทั้งยืนเต็มพื้นที่ภายในห้อง 2 คูหา วันนั้นแล้วผมถึงกับอุทานออกมาเลยว่า ยี่ห้อนี้ท่าจะมาแรงจริงๆ
โดยส่วนตัวแล้วผมเชียร์บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจนี้มานานจนได้ชื่อว่าเป็นต้นตำรับในการส่งพัสดุสิ่งของมาก่อนใครๆ ในประเทศไทย
ด้วยเหตุผลที่สำคัญที่สุดก็เพราะบริษัทไปรษณีย์ไทยเป็นของรัฐบาลไทย ซึ่งต้องถือว่าเป็นรัฐวิสาหกิจที่คนไทยเรามีส่วนเป็นเจ้าของ
คงทราบกันดีแล้วว่า เมื่อผู้คนในโลกหันมาใช้ออนไลน์ในการติดต่อสื่อสารกันมากขึ้น ส่งผลให้การเขียนจดหมายหรือส่งจดหมายถึงกันและกันลดลงอย่างฮวบฮาบ
สำนักงานไปรษณีย์ของหลายๆ ประเทศถึงกับต้องปิดตัวเองลงลดสำนักงานลง ลดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการลง
แต่สำหรับไปรษณีย์ไทยถือว่าโชคดีเพราะในขณะที่ผู้คนเลิกส่งจดหมายนั้น ก็เกิดมีพฤติกรรมใหม่ในยุคทันสมัย 4.0 เกิดขึ้นคือ ชอบสั่งซื้อสินค้าต่างๆ ทางออนไลน์แทนการไปซื้อตามห้างอย่างในยุคเดิมส่งผลให้ต้องมีการขนส่งสินค้าไปให้แก่ลูกค้ามากขึ้นเป็นเงาตามตัว
บริษัทไปรษณีย์ไทยที่มีการรับส่งพัสดุภัณฑ์ต่างๆ ควบคู่กับจดหมายอยู่แล้ว จึงหันมาพัฒนางานทางด้านนี้ และกลายเป็นรายได้หลักของบริษัทชดเชยรายได้จากการส่งจดหมายที่ลดลงได้อย่างดียิ่ง
ทำให้ไปรษณีย์ไทยยังคงโตวันโตคืนไม่สะเทือนเหมือนการไปรษณีย์ในบางประเทศ
แต่จากภาพที่ผมเห็นเมื่อวันก่อนก็ทำให้นึกห่วง เพราะความแรงของ “เคอร์รี่ เอ็กซ์เพรส” ดังกล่าว ประกอบกับระยะหลังๆ มีการเปิดบริษัททางด้านโลจิสติกส์ขนส่งสินค้าขึ้นอีกมาก
แบรนด์นอกที่ช่ำชองต่างก็แห่กันเข้ามา นอกจากเคอร์รี่ที่ว่านี้แล้ว ยังมีบริษัท “ตราแมวคาบลูก” ที่ผมเห็นที่ญี่ปุ่นมาร่วมลงทุนกับ SCG ด้วย และล่าสุด นินจาโลจิสติกส์ จากสิงคโปร์กำลังจะมาด้วยเช่นกัน
แต่จากการที่ผมได้มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เมื่อเร็วๆ นี้ทำให้ทราบว่าไปรษณีย์ไทยก็รู้ตัวว่ามีคู่ต่อสู้มากมาย ล้วนแต่มือดังระดับสากลทั้งสิ้น จึงได้มีการปรับตัวในการทำงานอย่างขนานใหญ่
ทุกวันนี้ไปรษณีย์ฯ ยังเป็นแชมป์อยู่และยังมีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็มั่นใจว่าจากการปรับตัวเองอย่างไม่หยุดนิ่งและขณะเดียวกันก็จับมือกับพันธมิตรธุรกิจอีกหลายๆ แห่งจะทำให้ไปรษณีย์สามารถครองแชมป์ได้ตลอดไป
โลกยุค 4.0 จะว่าดีก็ดีจะว่าน่ากลัวก็น่ากลัวไม่ใช่เล่น เพราะจะเป็นโลกของจอมยุทธ์ของยอดฝีมือ ใครเก่งก็อยู่ใครบู่ก็ไป…ต้องหมั่นฝึกฝีมือฝึกวิทยายุทธกันอยู่ตลอด หยุดนิ่งไม่ได้เด็ดขาด
ผมก็คงทำได้เพียงส่งเสียงเชียร์และให้กำลังใจเท่านั้นแหละครับ …สู้ สู้ สู้ตายไว้ลายนะครับไปรษณีย์ไทย.
“ซูม”