มีข่าวว่าในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ รถไฟฟ้าบีทีเอสเกิดอาการที่เรียกว่า “ขัดข้องทางเทคนิค” ทำให้ต้องหยุดเดินรถครั้งละเป็นชั่วโมง หรือหลายๆชั่วโมงบ่อยมาก

บ่อยจนผู้โดยสารนับหมื่นๆคนอดรนทนไม่ไหว ต้องโพสต์ลงโซเชียลตำหนิติติงตั้งแต่เบาไปถึงหนัก โดยใช้ถ้อยคำตั้งแต่สุภาพไปจนถึงหยาบคาย เข้าใจว่าท่านผู้อ่านที่ติดตามอยู่คงจะทราบกันดีแล้ว

ตามสถิติที่มีผู้จดไว้บอกว่า ครึ่งปี 2561 นี้ เสียหรือขัดข้องไปแล้ว 28 หน เฉพาะเดือนที่ 6 คือเดือนมิถุนายนเดือนเดียวดูเหมือนจะขัดข้องเกือบทุกสัปดาห์ก็ว่าได้

ล่าสุด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้เอง ก็เอาอีกแล้วครับ ขัดข้องหยุดเดินไปอีกหลายชั่วโมง เป็นผลให้โซเชียลร้อนฉ่าขึ้นมาอีกครั้ง รวมทั้งแฮชแท็กฮิต #ยกเลิกสัมปทาน BTS ก็ปรากฏขึ้นด้วย

ร้อนถึงท่านรัฐมนตรีคมนาคมต้องเชิญผู้บริหาร BTS มาพูดคุยเพื่อสอบหาสาเหตุและวิธีป้องกันแก้ไขกันต่อไป

ผมเป็นลูกค้าที่ใช้ BTS เป็นประจำคนหนึ่ง โดยเฉพาะช่วง 6 โมงเย็น จะเดินย่ำต๊อก (ถือโอกาสออกกำลังไปด้วย) ออกจากโรงพิมพ์ไปสถานีหมอชิตระยะทางประมาณ 800 เมตร สัปดาห์ละ 5 วัน จันทร์ถึงศุกร์

เพื่อไปต่อแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ที่สถานีพญาไทไปลงปลายทางที่สถานีรามคำแหงบ้าง หัวหมากบ้าง สุดแต่ว่าแม่บ้านผมจะสะดวกสถานีไหน เพื่อจะไปจอดรถรอรับผมกลับบ้านที่บางกะปิต่อไป

จำได้ว่าเมื่อสัก 10 กว่าวันที่ผ่านมา ผมเจอไปหนหนึ่งที่สถานีหมอชิต แต่ก็โชคดีรอเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น เขาก็แก้ไขได้

แต่ขนาด 10 นาทีเนี่ย ผู้คนก็ขึ้นมาอัดแน่นเต็มชานชาลาแล้วครับ เพราะสถานีหมอชิตทุกวันนี้กลายเป็นสถานีท็อปฮิต มีนักท่องเที่ยวที่พักอาศัยอยู่ในโรงแรมต่างๆย่านในเมือง หรือแม้แต่ย่านริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่กันนั่งรถ BTS มาช็อปปิ้งที่สวนจตุจักรแน่นเอี๊ยดทั้งวัน

ทำให้ผมนึกถึงสถานี “ชุมทางเขาชุมทอง” หรือสถานีสยาม ซึ่งมีรถ 2 สาย 2 ขบวนไปบรรจบกัน และมีผู้โดยสารไปใช้บริการจำนวนมาก

ผมเคยไปเจออยู่ 20 นาที เห็นแล้วขนหัวลุกเลยครับ ผู้คนแน่นเอี๊ยดไปหมด ทั้งบนชานชาลาสถานีเลื้อยลงไปถึงถนนข้างล่างยาวเหยียด

ยังจำได้ว่า ผมยังชื่นชมผู้ใช้บริการ BTS อย่างมาก ที่ยืนรออย่างอดทน ไม่ปริปากบ่นอะไรเลย ยืนดูมือถือเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผมยังเคยคิดว่า จะเขียนขอบคุณโทรศัพท์มือถือ ที่ทำให้คนไทยเป็นคนอารมณ์เย็น ไปรอคอยอะไรที่ไหนก็จะเข้าคิวรอคอยอย่างสงบเสงี่ยม นั่งบ้างยืนบ้าง ดูมือถืออย่างไม่ทุกข์ร้อน

เพิ่งจะมาถึงบางอ้อวันนี้เองว่าหลายคนๆ ที่ก้มดูมือถืออย่างแน่นิ่งนั้น ความจริงได้ระบายอารมณ์อันพลุ่งพล่านร้อนฉ่าผ่านมือถือไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้แฮชแท็ก #ยกเลิกสัมปทาน BTS กลายเป็นแฮชแท็กยอดฮิตอย่างที่ว่า

ผมไม่ทราบ BTS จะหาทางแก้ไขอย่างไรต่อไป และจะแก้ได้สำเร็จหรือไม่ เพราะสาเหตุที่ท่านบอกว่ามาจากคลื่นวิทยุอะไรต่างๆนั้น ผมฟังแล้วก็ไม่เข้าใจ และเกินสติปัญญาคนโลว์เทคอย่างผมที่จะเข้าใจ

ที่เขียนมานี่ก็เพื่อเป็นการเตือนไว้เท่านั้นเองว่า ผู้บริหาร BTS จะนิ่งดูดายไม่ได้เด็ดขาด เพราะทุกวันนี้ BTS กลายเป็นเส้นเลือดสำคัญเส้นหนึ่งของ กทม.ไปเสียแล้ว

เป็นที่พึ่งอาศัยของคนเป็นแสนๆในแต่ละวัน ทั้งคนไทย คนต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่แห่มาเมืองไทย

ถ้าท่านแก้ปัญหาไม่สำเร็จก็ชักห่วงๆเหมือนกันว่า อาจจะโดนถอนสัมปทานอย่างที่เรียกร้องกันในโซเชียลหรือเปล่า

อย่าประมาทพลังโซเชียลนะครับ ล้มรัฐบาลที่ต่างประเทศมาแล้วหลายรัฐบาล รวมทั้งทำให้คนที่ไม่ควรชนะเลือกตั้งสามารถเอาชนะเลือกตั้งมาได้อย่างที่อเมริกาเป็นต้น

ผมไม่รู้จักกับคุณคีรี กาญจนพาสน์ แต่รักใคร่ชอบพอและเคารพนับถือ ดร.อาณัติ อาภาภิรมมาก ขอฝากความรัก ความคิดถึงและความห่วงใยมาด้วยนะครับอาจารย์.

ป.ล. เมื่อวานนี้ผมเขียนถึง เจ้าสัวชาตรี โสภณพนิช แล้วเอ่ยถึงอาจารย์ใหญ่ บุญชู โรจนเสถียร ปรากฏว่ากรอบแรกที่ออกไปต่างจังหวัดและมีวางขายบ้างใน กทม. พิมพ์นามสกุลท่านเป็น แสงเสถียร ต้องขออภัยด้วยนะครับ วรรณกรรมรีบเร่งก็มักจะมีผิดพลาดอย่างนี้แหละ แต่ได้แก้ไขอย่างถูกต้องแล้วครับ ในกรอบ กทม.และภาคกลาง.

“ซูม”