เขาว่า “ปีใหม่” จะเหงา ก็ต้องยอม “ทนเหงา” เพื่อชาติ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยท่านอธิการบดี ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ในฐานะประธานที่ปรึกษาของศูนย์ฯ ได้เปิดเผยผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงปีใหม่แก่ผู้สื่อข่าว มีหลายๆ ประเด็นที่สมควรจะนำมารายงานต่อเพื่อให้รับรู้รับทราบอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น

อาจารย์ธนวรรธน์สรุปว่า กลุ่มประชาชนที่เป็นตัวอย่างในการสำรวจถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ตอบว่า บรรยากาศจะไม่คึกคัก

อีก 33 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าคึกคักเท่ากับปีที่ผ่านมา และอีก 17 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่าจะคึกคักมากขึ้น

รวมความแล้วก็คือ ตอบว่าบรรยากาศจะไม่คึกคักถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนตัวอย่างของการสำรวจทั้งหมด

โดยให้เหตุผลหลักว่า วิตกต่อความรุนแรงของการระบาดของโควิด-19 กลายพันธุ์ โอมิครอน ทั่วโลก ซึ่งน่าจะมาถึงประเทศไทยในที่สุด

ในขณะที่ปัญหาหนี้ครัวเรือนก็สูงขึ้นทำให้กลุ่มตัวอย่างกลุ่มนี้ตอบว่าจะ อยู่บ้าน ลดการออกไปทำกิจกรรมหรือรับประทานอาหารนอกบ้าน และยกเลิกหรือลดการเดินทางระยะไกลในช่วงปีใหม่นี้

ซึ่งเมื่อนำคำตอบดังกล่าวไปคำนวณออกมาเป็นตัวเลข “เงินสะพัด” จึงออกมาค่อนข้างต่ำ อยู่ที่ประมาณ 85,796 ล้านบาทเท่านั้น…ติดลบจากปีที่แล้วถึง 6.2 เปอร์เซ็นต์

ลดลงต่ำที่สุดในรอบ 12 ปี นับตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา

หรือถ้าคิดเฉพาะยอดค่าใช้จ่ายเฉพาะด้านท่องเที่ยว ก็ปรากฏว่าลดลงต่ำสุดในรอบ 15 ปีเลยทีเดียว…เฉพาะการยกเลิกการเคาต์ดาวน์ตามที่ต่างๆ จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 3-5 หมื่นล้านบาท

ดร.ธนวรรธน์ยอมรับว่า “ผิดคาด” เพราะจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการเปิดประเทศ และให้มีการจัดงานเคาต์ดาวน์ ได้นั้นท่านคาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1.3 แสนล้านบาท

ผมเชื่อท่านครับ เพราะที่ผ่านมาการสำรวจหรือการพยากรณ์ของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยค่อนข้างแม่นยำเป็นที่เชื่อถือได้

แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะครับ ขึ้นชื่อว่าไวรัสกลายพันธุ์แล้ว ย่อมน่ากลัวอยู่เสมอ…โดยเฉพาะสายพันธุ์ โอมิครอน ที่ทะลวงได้ทุกวัคซีนและแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว

ผมตามข่าวโควิด-19 อย่างใกล้ชิดมา 2 ปีเต็ม ไม่เคยเจอตัวเลขเลยว่า ที่ สหราชอาณาจักร จะติดเชื้อวันละแสน…ปรากฏว่า เมื่อศุกร์-เสาร์ที่ผ่านมาดูเหมือนจะทะลุแสนถึง 2 วันซ้อนๆ

เช่นเดียวกันจู่ๆ ที่สหรัฐฯ ก็กลับมาติดเชื้อวันละกว่า 2 แสน เมื่อ 2 วันก่อน (267,269 รายเสียด้วยซ้ำ) เข้าไปจ่อสถิติสูงสุด วันละ 3 แสนเศษ ที่สหรัฐฯ เคยเจอเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

แม้จะมีรายงานศึกษาจากหลายๆ ที่ ทั้งอังกฤษ และที่ประเทศแอฟริกาใต้ ต้นตอของสายพันธุ์ว่าอัตราการ “ทำอันตรายถึงชีวิต” ของสายพันธุ์นี้ จะต่ำกว่าสายพันธุ์ เดลตา ค่อนข้างมาก เพราะผู้คนส่วนใหญ่เมื่อติดแล้วก็หายเองโดยไม่ต้องไปโรงพยาบาล

แต่ถ้าจำนวนติดมันง่ายและมากมายมหาศาลเช่นนี้ แม้เปอร์เซ็นต์รุนแรงจะต่ำกว่า…จำนวนคน ที่ติดรุนแรงก็อาจจะมากขึ้นไปด้วยเป็นเงาตามตัว WHO ถึงกลัวนักกลัวหนาว่า ระบบสาธารณสุขของหลายๆ ประเทศจะรับมือไม่ไหว

ดังนั้นที่บ้านเราเกิดความวิตกจนตั้งใจจะเลิกเที่ยว หรือลดการเที่ยวเตร่ในช่วงเทศกาลปีใหม่เลย จึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

หากค่าใช้จ่ายต่างๆ จะลดลง และเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัวขึ้น หรือฟื้นตัวช้าลงไปอีกสืบเนื่องมาจากการระวังตัวของพี่น้องประชาชนเราก็คงต้องยอมรับ…และหาทางแก้ไขหรือกระตุ้นเศรษฐกิจในโอกาสอื่นๆ

นอกจากจะต้องยอมรับแล้วผมว่าเราควรจะขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ “เสียสละ” ยอม “ทนเหงา” ในช่วงปีใหม่นี้ ดังตัวเลขที่สำรวจไว้

ทำให้ผมนึกถึงสโลแกนแรกๆ ของกระทรวงสาธารณสุขที่บอกว่า “อยู่บ้าน…หยุดเชื้อ…เพื่อชาติ” ขึ้นมาทันที และขอนำสโลแกนนี้มากล่าวขอบคุณพี่น้องประชาชนไทยอีกคำรพหนึ่ง

“งดเที่ยวปีใหม่…ชะลอเชื้อ…เพื่อชาติ” กัดฟันทนอีกสักปีครับ…รอให้ปีหน้าโควิด-19 หมดฤทธิ์กลายเป็นโรคประจำถิ่นแบบไข้หวัดทั่วไปซะก่อนเราค่อยเที่ยวให้ฉ่ำใจกันไปข้างนึง.

“ซูม”

ข่าว, ท่องเที่ยว, ปีใหม่,​ เทศกาล, โควิด-19, โอมิครอน, เคาต์ดาวน์, เศรษฐกิจ, ซูมซอกแซก