ครั้งหนึ่งกับแม่ชีศันสนีย์

ด้วยอาชีพนักหนังสือพิมพ์ที่จะต้องออกไปพบปะผู้คนเพื่อสัมภาษณ์พูดคุยหาข่าวหาข้อมูลหรือสำหรับผมก็เพื่อหาประเด็นสำหรับมาเขียนคอลัมน์ประจำวันที่ผมรับผิดชอบอยู่…ทำให้มีโอกาสได้พบเจอผู้คนปีละจำนวนมาก

ด้วยจำนวนผู้คนที่ประมาณว่าผมเคยพบปะหรือสนทนาหรือสัมภาษณ์ค่อนข้างมากเช่นนี้ ผมจึงมักจะเข้าทำนอง ได้ของใหม่ลืมของเก่าอยู่เสมอๆ…คือ พอสัมภาษณ์หรือรู้จักคนใหม่ๆ มากขึ้น ก็จะจำได้แต่ภาพใหม่ๆ เท่านั้น และลืมคนที่เคยสัมภาษณ์เก่าๆ ไปเสียเกือบหมด

แต่ก็มีบุคคลที่ผมไปขอข่าวหรือไปขอความร่วมมือเพื่อมาเขียนคอลัมน์อยู่ท่านหนึ่ง เมื่อ 40 ปีก่อนโน้นที่ผมไม่มีวันที่จะลืมได้เลย

แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ผู้ก่อตั้ง เสถียรธรรมสถาน ที่เป็นข่าวในสื่อต่างๆ ว่าได้จากไปอย่างสงบด้วยโรคมะเร็ง หรือที่แถลงการณ์ของสำนักธรรมดังกล่าวใช้คำว่า “คืนสู่ธรรมชาติ” เมื่อค่ำวันที่ 7 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมานี่แหละครับ

ผมมีโอกาสพบ แม่ชีศันสนีย์ เมื่อปี 2519 ซึ่งช่วงนั้นท่านยังเป็นนางแบบสาวสวยมีดีกรีได้รับรางวัลนางงามหรือรองนางงามหลายเวที และได้รับการคัดเลือกให้มาเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสถานออกกำลังกายและเสริมความงามครบวงจรที่มีชื่อว่า World Club ตั้งอยู่ใกล้ๆ ห้าง ไดมารู แห่งที่ 2 ย่านราชประสงค์ แถวๆ ห้าง บิ๊กซี ในปัจจุบันนี้

ท่านมาแจกข่าวแนะนำ “เวิลด์ คลับ” ของท่านกับ ไทยรัฐ และในถ้อยคำประชาสัมพันธ์ จะมีอยู่ 2-3 ประโยคที่ระบุว่าสถานออกกำลังกายแห่งนี้มีวิธีการ และกระบวนการลดน้ำหนักที่ดีมากและรับประกันผล

ยุคนั้นเป็นยุคเผด็จการเต็มใบ เพราะเพิ่งมีการยึดอำนาจกลับมาใหม่หลัง 6 ตุลาคม การทำหนังสือพิมพ์ค่อนข้างยาก เพราะถูกควบคุมแจ ห้ามเสนอข่าวประเภทนั้น ประเภทนี้ เยอะแยะไปหมด

ทางไทยรัฐเราจึงหันมาเสนอข่าวในแง่ความบันเทิงหรือความสนุกสนานประเภทอ่านแล้วไม่เครียด รวมถึงเปิดคอลัมน์ใหม่บนหน้า 1 ซึ่งกลายมาเป็น “สกู๊ปข่าว” ในวันนี้

เมื่อมีเรื่องอะไรใหม่ๆ และน่าสนใจเกิดขึ้นเราก็จะส่งนักข่าวไปสัมภาษณ์ ไปพูดคุย และให้เอาตัวเข้าไปทดลองในความใหม่นั้นเลย ซึ่งจะทำให้การเขียนการรายงานมีรสชาติมากขึ้น

อย่างเช่น มีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเปิดโครงการ “งดบุหรี่ภายใน 7 วัน” เราก็ส่งนักข่าวที่ติดบุหรี่จัดมากรายหนึ่งไปร่วมโครงการ…ไปร่วมอดบุหรี่ตั้งแต่วันแรก…พร้อมกับเก็บเรื่องราวมาเขียนถึงอย่างละเอียด…และสนุก เป็นที่ฮือฮามากในยุคนั้น

ดังนั้น เมื่อ “เวิลด์ คลับ” ที่แม่ชีศันสนีย์เคยเป็นประชาสัมพันธ์มาบอกว่า มีวิธีการ “ลดความอ้วน” ที่ชะงัดนัก…กองบรรณาธิการจึงส่งผมซึ่งค่อนข้างอ้วนพอสมควรไปทำสกู๊ปข่าว โดยจะต้องไปลดความอ้วนด้วยตนเองและเข้ากระบวนการตั้งแต่เร่ิมต้น

ผมไปเข้าหลักสูตรอยู่ถึง 7 วัน ผ่านขั้นตอน ผ่านกระบวนการต่างๆ ตั้งแต่วิ่งบ้าง เดินสายพานบ้าง ไปจนถึงเข้าห้องอบซาวน่า และนวดตัวใช้เวลาถึง 2-3 ชั่วโมงต่อวัน

พร้อมกับนำประสบการณ์มาเขียนอย่างเฮฮาลงหน้า 1 เช่นเดียวกันกับเพื่อนผู้สื่อข่าวไทยรัฐที่ไปเข้าโครงการอื่นๆ

ผมเจอแม่ชีศันสนีย์อยู่ 7 วันเต็มๆ ได้พูดได้คุย เพราะท่านจะแวะมาให้กำลังใจมาดูแลสารทุกข์สุกดิบผมทุกวันไม่เคยขาด

ยังจำได้ถึงคำพูดอันอ่อนหวานไพเราะนอบน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะ สมกับเป็นนักประชาสัมพันธ์ทุกประการ

จากนั้นผมก็ไม่พบเจอท่านอีกเลย แต่ก็ได้ยินข่าวคราวของท่านอยู่เสมอๆ ตั้งแต่ท่านตัดสินใจเดินทางเข้าสู่สายธรรมะด้วยการบวชชีและก่อตั้ง “เสถียรธรรมสถาน” ขึ้นในซอยวัชรพลในที่สุด

สำนักธรรมของแม่ชีศันสนีย์ได้รับความนิยมจากคนหนุ่มคนสาวอย่างรวดเร็วด้วยวิธีการให้คำแนะนำที่เรียบง่ายแบบธรรมชาติ และการพูดการสอน หรือการเทศนาของแม่ชีเองก็เข้าใจง่ายตรงไปตรงมา

40 ปีผ่านไปท่านเขียนหนังสือธรรมะออกมาหลายเล่ม มีลูกศิษย์ลูกหานับหมื่น หรืออาจจะนับแสนแล้วก็ได้… ผมเองมีโอกาสผ่านไปทางซอยวัชรพลหลายครั้ง ก็จะนั่งสำรวม พร้อมกับส่งกำลังใจไปให้แก่ท่านด้วยความชื่นชมในผลงานที่ท่านได้ดำเนินการมาตลอดชีวิต

มาถึงวันนี้ท่านคืนสู่ธรรมชาติอย่างสงบแล้ว…

ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยได้โปรดนำดวงวิญญาณอันเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกของแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ไปสู่ความสงบความสุข ณ สัมปรายภพตราบกาลนิรันดร.

“ซูม”

ข่าว,​ แม่ชีศันสนีย์, เสถียรธรรมสถาน, แม่ชี, สำนักธรรม, ซอยวัชรพล, ซูมซอกแซก