ชื่นชม “ความเฉียบ” USA “กฎหมู่” ต้องอยู่ใต้ “กฎหมาย”

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาผมเขียนเล่าเหตุการณ์ ที่ผมตื่นขึ้นมาตอนตี 3 ของวันที่ 7 มกราคม…เพื่อจะดูการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล “คาราบาวคัพ” ที่อังกฤษ คู่ “แมนยู” กับ “แมนซิ”

แต่ในตอนหลังกลับต้องไปดูการถ่ายทอดสดเหตุการณ์จลาจลที่ตึกรัฐสภาของสหรัฐอเมริกาที่ถ่ายทอดสดโดย CNN ไปอย่างไม่คาดฝันและก็ดูต่อไปจนถึง 10 โมงเช้า เมื่อทางการสหรัฐฯจัดการกับม็อบเรียบร้อยและรัฐสภาสหรัฐฯ ก็กลับมาประชุมต่อ

ผมจบบันทึกเอาไว้เพียงเท่านี้ พร้อมกับทิ้งความคาดหวังไว้ว่าที่ประชุมรัฐสภาน่าจะลงมติยอมรับผลการเลือกตั้ง เพราะเสียงที่จะคัดค้านซึ่งเป็นติ่ง คุณโดนัลด์ ทรัมป์ สุดโต่งนั้นมีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น

ในที่สุดก็เป็นไปตามคาด ที่ประชุมรัฐสภาให้ความเห็นชอบโดยตีตกการคัดค้านต่างๆ ร่วงไปหมด…พร้อมกับโหวตรับรองให้ คุณโจ ไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯด้วยเสียงอิเล็กโทรัลโหวต 306-232 เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคมต่อไป

ส่วนคุณทรัมป์แม้จะกลับลำหันมาตำหนิกองเชียร์ของตน (ที่ส่วนใหญ่ก็มาเพราะตนปลุกระดมผ่านทวิตเตอร์นั่นแหละ) ว่ากระทำการรุนแรงอันทำให้ประชาธิปไตยของสหรัฐฯแปดเปื้อนนั้น พวกคุณทั้งหลายจะต้องชดใช้

แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ เพราะมีข่าวว่าสมาชิกรัฐสภาสายพรรคเดโมแครตกำลังเริ่มต้นกระบวนการถอดถอนคุณทรัมป์ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี หากคุณทรัมป์ไม่รีบยื่นใบลาออกในทันทีทันใดละก็

คุณทรัมป์จะต้องรับผลกรรมอย่างไรบ้าง จากการกระทำครั้งนี้ โปรดติดตามกันต่อไปอย่ากะพริบตาเชียวนะครับ

สาเหตุสำคัญที่ผมหยิบเรื่องราวและเหตุการณ์ครั้งนี้มาเขียนอีกครั้งในวันนี้ก็เพราะผมอยากจะ “ขอโทษ” คนอเมริกันส่วนใหญ่ให้ปรากฏเป็นหลักฐานไว้

ขอโทษที่ผมไปพาดหัวคอลัมน์เมื่อวันเสาร์ที่แล้วว่า “ชายชื่อทรัมป์ทำได้เสมอ…บันทึก “วันขายหน้า” ของ USA” นั่นแหละครับ

ท่อนแรกที่ว่า “ชายชื่อทรัมป์ทำได้เสมอ” นั้นถูกต้องแล้ว ไม่ต้องขอโทษใดๆ ทั้งสิ้น เพราะชายชื่อทรัมป์ท่านทำเช่นนี้อยู่ตลอด

แต่ท่อนหลังที่ว่า “บันทึก “วันขายหน้า” ของ USA” ต่างหากที่ผมอยากจะขอโทษ เพราะเหตุการณ์ขายหน้าที่เกิดขึ้นมิใช่เป็นฝีมือของคน USA ส่วนใหญ่

หากเป็นฝีมือของคน USA ติ่งคุณทรัมป์จำนวนหนึ่งเท่านั้น และในที่สุด คนเหล่านั้นก็ถูกจัดการเป็นที่เรียบร้อยโดย ผู้รักษากฎหมาย ของ USA

ทำให้ตอนจบของเรื่องกลายเป็นว่า USA ก็คือ USA อันหมายถึงว่ายังคงเป็นประเทศที่เหมาะสมกับสมญานาม “ผู้นำ” ของระบอบประชาธิปไตยของโลก…ต่อไป

เพราะจัดการกับการก่อจลาจลวุ่นวายของกลุ่มม็อบที่ดำเนินการผิดกฎหมายและเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างเข้มแข็งยิ่ง

ภาพตำรวจจ่อปืนใส่ผู้บุกรุกเข้าสู่ห้องประชุมรัฐสภายังติดอยู่ในสายตาของผู้คนทั่วโลกในขณะนี้
พร้อมกับข่าวที่ว่าผู้ประท้วงหญิงคนหนึ่งถูกตำรวจยิงเสียชีวิต…ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าตำรวจเขาเอาจริงและปราบจริง

ต่อมาก็มีข่าวว่าตำรวจเองก็เสียชีวิตไปหนึ่งรายเหมือนกัน ชี้ให้เห็นว่าม็อบสนับสนุนทรัมป์นั้นเถื่อนจริง

และเมื่อตำรวจเอาอยู่กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิควบคุมเหตุการณ์ได้สำเร็จทุกอย่างก็กลับคืนสู่ภาวะปกติ…ท่าน ส.ว. ท่าน ส.ส.ของเขาก็กลับมาทำหน้าที่ และก็ทำกันต่อไปจนดึกดื่นเข้าสู่วันใหม่
ส่งผลให้กงล้อประชาธิปไตยของเขายังคงหมุนต่อไป

ผมจึงต้องขอโทษที่ไปใช้คำว่า “บันทึกวันขายหน้าของ USA” เพราะแท้ที่จริงแล้วนี่คือวันที่น่าชื่นชมอย่างยิ่งของ USA แสดงให้เห็นถึงความเป็นประชาธิปไตยโดยถ่องแท้ของพวกเขา…ต่างหาก
ในบรรทัดฐานของระบอบประชาธิปไตยนั้น การใช้สิทธิเสรีภาพใดๆ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเท่านั้น โดยเฉพาะกฎหมู่จะอยู่เหนือกฎหมายมิได้โดยเด็ดขาด

ผมพาดหัวใหม่ให้แล้วนะครับ วันนี้ “ชื่นชมความเฉียบ USA…กฎหมู่ต้องอยู่ใต้กฎหมาย”
แต่ก็ขอฝากไว้ด้วยว่าถ้าเผื่อประเทศด้อยพัฒนาบางประเทศเขามีความจำเป็นต้องรักษากฎหมายของเขาอย่างเคร่งครัดเช่นนี้บ้าง…ยูอย่าไปว่าเขาเหี้ยมโหดหรือไร้มนุษยธรรมเชียวนา.

“ซูม”

โดนัลด์ ทรัมป์, โจ ไบเดน, สหรัฐอเมริกา, ประธานาธิบดี, แมนยู, แมน ซิ, รัฐสภา, ซูมซอกแซก