โขน…ตอน “สืบมรรคา” เหตุผลที่ไม่อยากให้พลาด

ท่านผู้อ่านคงจะได้อ่านทั้งข่าวและคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐว่าด้วยเรื่อง “โขน” ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ตอน “สืบมรรคา” ที่จะลงโรงแสดง ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 5 ธันวาคมกันแล้วนะครับ

โดยเฉพาะหน้าข่าวสตรีของไทยรัฐเมื่อวันพุธที่แล้ว พาดหัวไว้ว่า…“สุดยิ่งใหญ่!! โขนศิลปาชีพตอน สืบมรรคา…ฉากอลังการงานสร้างด้วยเทคนิคพิเศษกว่าทุกเรื่อง”

ในขณะที่คอลัมน์ “ชักธงรบ” ของคุณ “กิเลน ประลองเชิง” หน้า 3 ก็หันมาโบกธงแสดงความชื่นชมกับโขนเรื่องนี้ถึง 2 วันซ้อนๆ

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง ทั้งพาดหัวข่าวและรายงานข่าวของหน้าสตรีไทยรัฐ รวมถึงยิ่งกว่าเห็นด้วยสำหรับข้อเขียนของคุณกิเลน ประลองเชิง ที่เป็นแฟนโขนศิลปาชีพอย่างเหนียวแน่นและได้เขียนถึงมาโดยตลอด

จึงขออนุญาตที่จะร่วมขบวนแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกแรงหนึ่ง พร้อมกับถือโอกาสเชิญชวนท่านผู้อ่าน…ถ้ามีเวลาและโอกาส…ลองแว่บไปดูกันสักรอบ

ผมมั่นใจว่านอกจากท่านผู้อ่านจะบังเกิดความตื่นตาตื่นใจและชื่นชมโสมนัสในประเด็นต่างๆ ที่เพื่อนๆ ผมได้เขียนไว้ ทั้งข่าวและคอลัมน์นั้นแล้ว…จะบังเกิดความรู้สึกที่เหลือเชื่อขึ้นอีกประการหนึ่ง…

นั่นคือ “ความภูมิใจ” ในการที่ได้เกิดมาในแผ่นดินไทย ซึ่งมีมรดกทางวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ ตกทอดมาตั้งแต่ยุคโบราณกาล

โดยเฉพาะ “โขน” มหรสพหลวงคู่บ้านคู่เมืองที่เริ่มแสดงตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยาเรื่อยมาจนถึงยุคกรุงรัตนโกสินทร์ และเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2561 นี้เอง ยูเนสโก ก็ได้ประกาศขึ้นบัญชี การแสดงโขนในประเทศไทย เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติไปเรียบร้อยแล้ว

สำหรับตอน “สืบมรรคา” (อ่านว่า สืบ-มัน-คา) ที่ว่านี้ได้ยินแรกก็รู้สึกงงๆ อยู่ แต่พอดูจบแล้วก็ร้องอ๋อว่าที่แท้ก็คือตอน “หนุมานถวายแหวน” หรือตอน “หนุมานเผาลงกา” นั่นเอง

จับความตั้งแต่ พระราม ที่ทรงยกทัพไล่ล่า ทศกัณฐ์ มุ่งหน้าไปสู่นครลงกา และมาตั้งทัพที่บริเวณเขา คันธกาล ทรงมีบัญชาให้ หนุมาน และ องคต ชมพูพาน พร้อมกองทัพลิงจำนวนหนึ่งนำผ้าสไบของนางสีดาและ ธำมรงค์ ของนางไปถวาย พร้อมทั้งแจ้งข่าวให้ทราบว่าพระรามยกทัพมาช่วยแล้ว

รวมทั้งให้หนุมานและพลพรรคสำรวจทางหนีทีไล่เอาไว้เพื่อเป็นข้อมูลในการเดินทัพเข้าโจมตีเมืองลงกาต่อไป

หนุมานกับพรรคพวกก็รับพระบัญชานำกองทัพลิงส่วนหน้าเดินทางไปเฝ้านางสีดาและตลอดทางต้องเผชิญกับด่านต่างๆ ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ แต่ก็เอาชนะมาได้ทุกด่าน จนได้เฝ้านางสีดา และได้ถวายแหวนสมมาดปรารถนาในที่สุด

แถมด้วยการ “เผาลงกา” ปฏิบัติการนอกเหนือพระบัญชาของพระราม ดังที่เราเคยเรียนกันมาตอนเด็กๆ

ทั้งสนุก ทั้งตื่นตาตื่นใจกับฉากสวยงาม และการเหาะเหินเดินอากาศของตัวละครหลายๆ ตัว ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง

รอบที่ผมไปดูมีดารานักแสดงในเครือ ซีนาริโอ ของคุณบอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ ไปดูด้วยกลุ่มใหญ่ ผมแอบสังเกตเห็นว่าทุกคนดูด้วยความชื่นชมและปรบมือลุ้นหนุมานกันอย่างสนุกสนาน

ผมมีโอกาสถาม คุณบอย เพียงคนเดียวว่าเป็นอย่างไรบ้าง? ได้รับคำตอบว่า “ประทับใจมากครับ”…

อีกท่านหนึ่งที่ผมตั้งใจจะถาม แต่พลาดโอกาสเพราะพอจบแล้วหายไปไหนเสียก็ไม่รู้ก็คือ “ย่ามี้” พิศมัย วิไลศักดิ์ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังแสดงละครเป็นตัวแม่ หรือตัวย่าอยู่หลายเรื่อง ทางโทรทัศน์

ที่อยากถามก็เพราะพิศมัยเป็นนาฏศิลป์เก่า เคยรำ “ฉุยฉาย พราหมณ์” จนโด่งดังและได้มาเป็นนางเอกหนังไทย ตั้งแต่ยุคที่ผมยังนุ่งกางเกงขาสั้น ก็ด้วยลีลาการรำฉุยฉายนี่แหละ

ผมอยากจะถาม “คุณย่า” พิศมัยประโยคเดียวว่า ในฐานะคนรำฉุยฉายพราหมณ์ มาก่อน…ย่าหมัยประทับใจกับการรำ “ฉุยฉาย ทศกัณฐ์” ของโขนตอนนี้มากน้อยเพียงใด?

ใครเจอพิศมัย วิไลศักดิ์ ในกองถ่ายวานถามแทนผมด้วยนะครับ…จะขอบคุณเป็นที่สุด เพราะผมอยากรู้จริงๆ.

“ซูม”