ตามกำหนดการที่แจ้งไว้ล่วงหน้า…วันนี้ (24 กุมภาพันธ์ 2564) เวลาประมาณ 10.00 น. วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ลอตแรกจากประเทศจีนจะเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิประเทศไทย
โดยเที่ยวบินขนส่งสินค้าพิเศษเที่ยวบินที่ทีจี 675 เส้นทางปักกิ่ง-กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเครื่องแอร์บัส A350-900 และมีกำหนดออกเดินทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนตั้งแต่เวลา 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 05.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ในเอกสารข่าวของกระทรวงสาธารณสุขแจ้งไว้ด้วยว่าจะมีกิจกรรมรับมอบวัคซีนทันทีที่มาถึง ณ บริเวณโซน GH-4 ของคลังสินค้าการบินไทย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
เรียกชื่อกิจกรรมเฉพาะกิจครั้งนี้ว่า “วัคซีนโควิด-19 คืนรอยยิ้มประเทศไทย” ซึ่งจะเริ่มพิธีกันตั้งแต่เวลา 09.00 น. และได้เชิญผู้เกี่ยวข้องทุกๆ ฝ่ายเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง
ข่าวล่าสุดแจ้งด้วยว่า นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ตอบรับคำเชิญที่จะเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
นี่คือ “กำหนดการ” ดั้งเดิมที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกระทรวงสาธารณสุข เผยแพร่ไปตามสื่อสารมวลชนต่างๆ…ที่ผมขออนุญาตนำมาลงไว้อีกครั้ง ส่วนจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือไม่…อย่าลืมติดตามของจริงในวันนี้ตามเวลาที่แจ้งไว้ข้างต้นก็แล้วกัน
เผอิญผมไปอ่านเจอคอมเมนต์ท้ายข่าวที่แชร์กันไปตามโซเชียล ตั้งข้อสังเกตว่า จะ “เว่อร์” ไปหน่อยไหมที่มีพิธีรับวัคซีนเอิกเกริกแบบนี้?
เพราะที่บ้านอื่น เมืองอื่น เขาฉีดกันไปแล้วหลายประเทศ…ของเราเพิ่งจะมาถึงและมาเพียง 2 แสนโดส แค่ไปถ่ายภาพทำข่าวว่ามาถึงแล้ว ก็น่าจะพอสมควรแก่เหตุ
ไม่เห็นจะต้องจัดพิธีแสดงความยินดีปรีดาอะไรกันถึงขนาดนี้
ผมเองอ่านข่าวแว่บแรกก็เกิดความรู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน
แต่มาคิดอีกทีก็รู้สึกเห็นใจกระทรวงสาธารณสุขที่ผมชื่นชมมาตลอดว่า คุณหมอทั้งหลายทำงานเก่งและผลงานต่อสู้กับโควิด-19 ในรอบแรกก็ยอดเยี่ยมมาก
ได้รับคำชมเชยจาก WHO ว่าจัดการกับปัญหาโควิดได้อย่างยอดเยี่ยม อันดับต้นๆ ของโลก ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องวัคซีนนั้นผมก็เรียนแล้วว่า เผอิญผมกลับบ้านตอน 6 โมงเย็นทุกวัน ก็เปิดฟังสถานีวิทยุ 100.5 ของ อสมท ไปทุกวัน และเขาก็เชิญคุณหมอใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมจัดซื้อวัคซีนมาสัมภาษณ์เกือบทุกวัน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม มิถุนายน ปีที่แล้วด้วยซํ้า
ฟังแล้วก็เข้าใจโดยตลอดว่าท่านมีแผนอย่างไร? ระมัดระวังอย่างไร? รอบคอบอย่างไร? ทำไมถึงเลือกวัคซีนยี่ห้อนี้?
อย่าลืมว่าโรคนี้เป็นโรคใหม่และการทดลองก็เป็นของใหม่ เป็นของฉุกเฉิน มีความเสี่ยงสูง การพิจารณาอย่างรอบคอบทุกมุมทุกแง่ โดยไม่เอาชีวิตคนไทยเป็นหนูตะเภาจึงน่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
แต่พอการทดลองวัคซีนประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว มีการฉีดที่โน่นที่นี่ยกใหญ่ ก็เลยกลายเป็นว่าความละเอียดรอบคอบของคุณหมอทั้งหลาย คือความมะงุมมะงาหราไปเสียฉิบ พร้อมกับมีเสียงวิจารณ์ว่า มัวไปทำอะไรกันอยู่ ช้าไปแล้วต๋อย ฯลฯ ดังกระหึ่มขึ้น
แม้คุณหมอทั้งหลายจะกลับมาชี้แจงอีกหลายๆ ครั้ง และในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจที่พรรคฝ่ายค้านลุกขึ้นอภิปรายในประเด็นนี้ด้วยนํ้าเสียงดุเดือดนั้น…คุณหมอท่านก็ตั้งโต๊ะแถลงนอกสภาตอบทุกถ้อยกระทงความได้อย่างแจ้งชัด
แต่ก็นั่นแหละ การที่ถูกวิจารณ์เยอะและแรงด้วย อาจทำให้กระทรวงสาธารณสุขอยากโต้อยากชี้แจง อยากประชาสัมพันธ์ในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับวัคซีน…จึงได้วางแผนประชาสัมพันธ์จัดพิธีต้อนรับวัคซีนลอตแรกเสียอย่างใหญ่โตจนมีเสียงค่อนแคะอย่างว่า
ประสาคนรักกันชอบกันและเชียร์กันมาตั้งแต่ต้น ผมก็ขอให้กำลังใจและส่งเสียงเชียร์ต่อไป
หากมีใครเขาว่า “เว่อร์” ก็อย่าไปโกรธนะครับ…รับฟังไว้ไม่ต้องตอบโต้อะไรทั้งสิ้น ขอให้เดินหน้าทำงานต่อตามแผนที่วางไว้ ให้ครบถ้วนทุกอย่างจะดีเอง–สู้สู้ครับคุณหมอครับ!
“ซูม”