วันนี้ (3 กันยายน) พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า เคสดังกล่าวได้รับรายงานตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2563 ซึ่งหลังจากนั้นทีมแพทย์ได้ดำเนินการตรวจสอบผ่านการตรวจหาเชื้อจากห้องปฏิบัติการทั้ง 2 แห่ง โดยผู้ต้องหารายดังกล่าวได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 จริง
ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายดังกล่าวมีอาการเมื่อ 29 ส.ค. 2563 มีเสมหะ แต่อาการไม่ชัดเจน จึงเก็บตัวอย่างในโพรงจมูกมาตรวจจึงพบเชื้อ
จากการซักประวัติย้อนหลัง 14 วัน ในข้อมูลเบื้องต้นที่ตรวจสอบพบว่ามีการอาศัยอยู่กับครอบครัวในคอนโดฯ บ้านสวนธน พุทธบูชา บางมด กรุงเทพฯ และมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 5 คน ไม่มีประวัติในการเดินทางต่างประเทศ
ส่วนที่ทำงานได้ทำงานเป็นดีเจอยู่ในร้าน 3 วัน 2 คืน ที่สาขาพระราม 3 กับพระราม 5 ซึ่งหากลูกค้าในร้านใส่หน้ากากอนามัยก็จะถือว่าไม่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และหากมีความสงสัยว่าเข้าข่ายเสี่ยงติดโรคให้ตรวจได้ที่โรงพยาบาล
ส่วนวันขึ้นศาลมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 20 คน ประกอบด้วยทนายความ เจ้าหน้าที่เรือนจำ นักโทษตัดสินคดี และนักโทษในรถเรือนจำ ซึ่งจะมีการให้แยกกักกันต่อไป ขณะที่ในเรือนจำได้มีการแยกกักกันในกลุ่มผู้ต้องหาแรกรับที่เข้าเรือนจำในเวลาเดียวกันอีก 34 คน และมีการตรวจหาเชื้อทั้งหมดแล้ว แต่ไม่มีผู้ติดเชื้อ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างสอบสวน ซึ่งยังไม่เสร็จสิ้นในตอนนี้
ทั้งนี้ การพบผู้ต้องหาติดเชื้อโควิด-19 เป็นการติดเชื้อในประเทศครั้งแรกในรอบ 101 วัน
ทางด้าน นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุถึงมาตรการที่กรมราชทัณฑ์มีต่อการรับมือการระบาดของโควิด-19 โดยระบุว่าการพบผู้ติดเชื้อรายดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบไปสู่ผู้ต้องขังรายอื่นๆ เนื่องจากกรมราชทัณฑ์ได้มีการแบ่งแยกพื้นที่ของผู้ต้องขังอย่างชัดเจน โดยผู้ที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงต้องทำการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน
โดยผู้ป่วยรายดังกล่าวได้ส่งตัวย้ายไปเฝ้าดูและรักษาอาการที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ บริเวณอาคารแยกเดี่ยว และเป็นห้องเดี่ยว ซึ่งจะเป็นตึกแยกจากอาคารใหญ่ของโรงพยาบาล และดำเนินการแยกตัวผู้ต้องขัง 34 คน โดยเฝ้าดูอาการเป็นผู้ต้องขังในการดูแลเป็นพิเศษ เพื่อเฝ้าดูอาการและรอผลการตรวจยืนยันซ้ำอีกครั้งตามกำหนดเวลา 14 วัน
อย่างไรก็ตาม นพ.สุวรรณชัย ยืนยันทิ้งท้ายว่า รายนี้ถือเป็นการติดเชื้อในประเทศรายแรก หลังจากไม่มีการติดเชื้อในประเทศมากว่า 100 วัน พร้อมขอความร่วมมือประชาชนตระหนัก แต่อย่าตื่นตระหนก และปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขต่อไป.