ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ในวันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม ก่อนวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 วันที่ 12 สิงหาคม 1 วัน ซึ่งในธรรมเนียมไทยโบราณ มักเรียกกันว่า “วันสุกดิบ”
เป็นวันที่มีความสำคัญและมีความหมายอย่างยิ่งสำหรับสังคมไทย เพราะจะเป็นวันเตรียมการสำหรับการจัดงานใหญ่ต่างๆ ที่จะมีขึ้นในวันรุ่งขึ้น
ในต่างจังหวัดทั่วประเทศไทยนั้น “วันสุกดิบ” ของงานต่างๆ จะคึกคักพอๆ กับวันงานจริงเลยทีเดียว เพราะจะมีญาติสนิทมิตรสหายของเจ้าของงานไปช่วยงานกันตั้งแต่บ่ายๆ เย็นๆ ไปจนถึงหัวค่ำ
ผมจึงรู้สึกตื้นตันใจเป็นล้นพ้น เมื่อพบว่าบรรยากาศของ “วันสุกดิบ” ก่อนวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม ราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ปีนี้ ยังคงเหมือนกับปีที่ผ่านๆ มาทุกประการ
พสกนิกรชาวไทยยังคงมุ่งมั่นรอคอยและเตรียมตัวเตรียมใจที่จะร่วมกันถวายพระพรชัยมงคลในวันรุ่งขึ้นอย่างพร้อมเพรียงทั่วประเทศ
หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ได้อัญเชิญพระดำรัสของ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ถวายพระพรแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เนื่องในวันเฉลิม พระชนมพรรษาปีนี้ ตอนหนึ่งว่า
“สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงต่อพสกนิกร ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระองค์ประดุจแม่ของแผ่นดิน ด้วยน้ำพระราชหฤทัยใสสะอาด ทรงมุ่งหวังประโยชน์สุขของทวยราษฎร์เป็นที่ตั้ง จึงเสด็จพระราชดำเนินไปยังความสวัสดีแก่ทุกชีวิต ทั่วทุกสารทิศในราชอาณาจักร”
“ทรงแผ่พระบารมีเป็นที่พึ่งพำนักของผู้ตกทุกข์ได้ยาก สมดังที่เคยมีพระราชปรารภถึงพระราชสมัญญา แม่ ซึ่งประชาชนน้อมถวายว่า… คำว่าแม่นี้เป็นคำที่ศักดิ์สิทธิ์สูงส่งที่สุด การที่ใครเรียกคนคนหนึ่งว่าแม่ บุคคลที่ถูกเรียกจะต้องคิดและสำนึกในเกียรติยศอันนี้ และทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”
นับเป็นพระดำรัสที่สะท้อนพระจริยวัตรของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 โดยถ่องแท้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา มีพระมหากรุณาธิคุณแด่พสกนิกรชาวไทยประดุจแม่ที่ดูแลลูกๆ ด้วยความรัก และความห่วงใยเหนืออื่นใด
ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้กล่าวเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทย ขอให้ร่วมกันจุดเทียนถวายพระพรชัยและร้องเพลง “สดุดีพระแม่เจ้า” ในเวลา 19.00 น. ของวันที่ 12 สิงหาคม อย่างพร้อมเพรียงกัน
ผมเชื่อโดยสนิทใจว่าพี่น้องประชาชนต่างเตรียมตัวเตรียมใจที่จะร่วมกันถวายพระพรชัยมงคลอยู่แล้ว สังเกตได้จากการสวมใส่เสื้อสีฟ้าและการประดับธงเฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่านตามบ้านเรือนต่างๆ
แต่การเปล่งเสียงถวายพระพรชัยมงคลก็ดี หรือการร้องเพลงสดุดีพระองค์ท่านก็ดี จะไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน หากพสกนิกรจะไม่นำพระราชดำรัสของพระองค์ท่านในอดีตมาปฏิบัติตามควบคู่ไปด้วย
โดยเฉพาะพระราชดำรัสเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาป่าไม้ที่ถูกทำลาย ปัญหาทรัพยากรต่างๆ ที่เสื่อมโทรมลงเป็นอันมาก
รวมไปถึงโครงการพระราชดำริต่างๆ ที่ทรงริเริ่มขึ้น เพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยที่ยากจนในชนบท ผ่านโครงการส่งเสริมศิลปาชีพเพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยอันเก่าแก่ให้ยั่งยืนสืบไป
หากพี่น้องชาวไทยจะหวนรำลึกถึงคำสั่งสอน คำแนะนำของ “แม่” พร้อมกับน้อมนำพระราชดำรัสอันทรงคุณค่านานาประการมาปฏิบัติตามด้วย ก็จะทำให้ประเทศไทยและสังคมไทยของเราอยู่ดีมีสุขมากขึ้น คนไทยเรารักใคร่กลมเกลียวกันมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็จะสามารถรักษาเอกลักษณ์ของความเป็นไทยแขนงต่างๆ ไปตราบกาลนาน
ดังที่ผมเรียนไว้ในตอนต้นว่า ต้นฉบับวันนี้ผมเขียนในวันสุกดิบ ก่อนวันเฉลิมพระชนมพรรษา แต่กว่าจะลงตีพิมพ์ก็คงจะเป็นวันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม ผ่านวันเฉลิมพระชนมพรรษาไปแล้ว
แต่ก็ต้องถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยังไม่สายเกินไป เนื่องจากเป็นวันหยุดชดเชยวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์ท่าน
ขอได้โปรดใช้เวลาใดเวลาหนึ่งของช่วงวันหยุดวันนี้ นั่งทบทวนถึงพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน แล้วถามตัวเองว่าเราได้ปฏิบัติตามหรือยัง?
ถ้าปฏิบัติอยู่แล้วก็ขอให้ปฏิบัติต่อไปอย่าได้หย่อนลง แต่หากยังไม่ปฏิบัติก็ขอให้เริ่มได้แล้ว ณ วันนี้ โดยเฉพาะการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ เช่น ป่าไม้ ต้นน้ำลำธารที่ทรงห่วงใยเหนืออื่นใด.
“ซูม”