ไปซอกแซกมาเรียบร้อยแล้วครับ “งานใหญ่ขนาดย่อม” ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ที่ตั้งชื่อเอาไว้อย่างเก๋ไก๋ว่า “ไทยฟุ้งปรุงไทย” (Thai Taste Thai Fest 2024)
และไปจัดขึ้นที่พาราไดซ์ พาร์ค ถนนศรีนครินทร์ ตั้งแต่ 20 กันยายน ไปจนถึง 22 กันยายน 2567
วัตถุประสงค์หลักก็เพื่อที่จะนำอาหารถิ่น “1 จังหวัด 1 เมนู” รวมทั้งสิ้น 77 จังหวัด 77 เมนู ที่ทางกระทรวงวัฒนธรรมคัดเลือกไว้จากที่จังหวัดต่างๆ ส่งเข้าประกวดประขัน และประกาศชื่อแชมป์ไปเรียบร้อยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา…มาให้พี่น้องชาว กทม.ในฐานะประชากรของเมืองหลวงและเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาประเทศ ได้มีโอกาสลิ้มลองและสัมผัสกับสุดยอดอาหารของจังหวัดต่างๆ
ถือเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้แก่อาหารพื้นถิ่นเหล่านี้ไปด้วย เผื่อจะมีใครเห็นดีเห็นงามนำไปพัฒนาเป็นอาหาร “ระดับชาติ” หรือ “ระดับโลก” ดังที่อาหารไทยหลายๆประเภทของเราประสบความสำเร็จมาแล้ว
หัวหน้าทีมซอกแซกไม่รอช้า สืบทราบมาว่าแม้พิธีเปิดงาน (ศุกร์ที่ 20 กันยายน) จะเริ่มขึ้นในเวลา 14.00 น. แต่สำหรับ “เมนูอาหาร” ของจังหวัดต่างๆ จะนำออกมาให้ทดลองลิ้มรสตั้งแต่ 11 โมงเช้าหลังห้างเปิด…จึงยกทีมไปเยือนและไปถึง พาราไดซ์ ศรีนครินทร์ 11 โมงครึ่งเป๊ะพอดิบพอดี
ตรงรี่ไปที่บริเวณจัดงานเลยครับ ซึ่งเขาออกแบบไว้ให้มีเวทีกลางอยู่เวทีหนึ่งสำหรับพิธีการและการแสดงศิลปวัฒนธรรมต่างๆ และดนตรีลูกทุ่ง โดยมีที่นั่งให้คนดูสามารถนั่งดูได้ราวๆ 200-300 ที่นั่งเห็นจะได้
ขณะเดียวกันรอบๆ เวทีแบบ 4 เหลี่ยมจัตุรัส เขาจะจัดตั้งแผงโชว์อาหารของทั้ง 77 จังหวัดเอาไว้ เดินครบรอบก็ครบทุกจังหวัดมีทั้งคาวมีทั้งหวาน 77 เมนูรวมกัน
แต่ละร้านแต่ละจังหวัดแม้จะมีหน้าร้านไม่กว้างนัก แต่ก็สามารถจัดเต็มโชว์วิธีปรุงอาหารให้กินได้อย่างจะจะ…เมื่อปรุงเสร็จจะมีตัวอย่างใส่ถ้วยน้อยจานน้อยมาให้ทดลองที่หน้าร้านนั่นเลย หากติดใจจะสั่งซื้อกลับบ้านเขาก็จัดเตรียมมาขายด้วยในสนนราคาไม่แพงจนเกินไปนัก
หัวหน้าทีมซอกแซกไม่ได้รับประทานอาหารเช้า เพราะต้องแวะไปตรวจร่างกายมาก่อน เมื่อมาถึงพาราไดซ์ พาร์ค จึงรู้สึกหิว เดินดู เดินชิมฟรีไปตลอดทาง
เริ่มจาก “โหลวหมี่” หรือ “หมี่หนำเหลี่ยว” จากจังหวัดตรัง มีเส้นหมี่เหลืองราด “หนำเหลี่ยว” หรือ “นํ้าหลอ” กลิ่นผงกะหรี่ ใส่ถ้วยน้อยมาให้ลองชิม…เลยหยุดชิมเสียตามระเบียบ…อร่อย!
ถัดไปอีกหน่อยเป็นร้านข้าวผัดขึ้นป้ายว่า “ข้าวผัดข้าวเจ๊กเชย” จากเสาไห้ (สระบุรี) ไม่ทราบว่าเตาผัดอยู่ตรงไหน แต่จะมีที่ผัดเสร็จแล้วใส่ถ้วยเล็กเช่นกันวางไว้ให้ชิม…ก็เลยหยิบมาชิม 2 ถ้วย…อร่อยเช่นกัน
เดินไปเรื่อยๆ ก็เจอ “แม่ลาปลาเผา” หรือปลาช่อนแม่ลาสิงห์บุรีเผาตัวเท่าน่องเด็ก วางเรียงอยู่ 4-5 ตัว กลิ่นหอมฉุยแม้จะไม่ได้ชิมแต่ก็ให้คะแนนล่วงหน้าได้เลยว่าของเขาอร่อยจริงปลาช่อนจังหวัดนี้
ถัดไปอีกนิด…เจอแล้ว ขนม “กุยช่าย” นครนายก ยี่ห้อ “คุณเอ๋” ที่โด่งดังข้ามจังหวัดมาหลายปีดีดัก…และไม่ไกลจากร้านกุยช่าย ได้กลิ่นหอมแตะจมูกเลยชะโงกไปดูป้ายร้าน…มิน่าล่ะถึงได้หอมนัก “กะปิคั่ว” จากจังหวัดระยองนั่นเอง
ฯลฯ ฯลฯ ขออนุญาตใส่เครื่องหมาย ฯลฯ เพราะเดินผ่านอีกหลายๆ ร้าน ชิมบ้างไม่ชิมบ้าง ซื้อใส่ถุงกลับบ้านบ้าง พะรุงพะรังเต็มมือ ทีมงานซอกแซกที่ไปงวดนี้ 3 คน
จุดมุ่งหมายปลายทางของเราอยู่ที่โน่นครับ อยู่ที่ร้านของจังหวัด นครสวรรค์ บ้านเกิดหัวหน้าทีมที่ได้ข่าวว่าจะนำ “แกงนอกหม้อ” อาหารถิ่นขึ้นทะเบียนปีล่าสุดมาโชว์ด้วย…
คงจำได้หัวหน้าทีมซอกแซกเคยเขียนแนะนำ “แกงนอกหม้อ” ไปแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม หลังจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรมประกาศขึ้นบัญชีเพียงไม่กี่วัน บรรยายให้ท่านผู้อ่านทราบว่าเป็นอาหารที่ได้ยินชื่อมาตั้งแต่เด็กๆ
เมื่อรู้ว่า นครสวรรค์ นำอาหารชนิดนี้มาออกร้านด้วย จึงต้องรีบเดินตระเวนหา และในที่สุดก็เจอ!
ปรากฏว่าโชคดีหนักเข้าไปอีก เมื่อ แกงนอกหม้อ ที่เขานำมาโชว์ครั้งนี้เป็นตำรับของ อำเภอบรรพตพิสัย ที่ชนะการประกวดในระดับจังหวัด นำทีมโดย คุณ รัชนี เชาว์ปรีชา ปราชญ์ชาวบ้านด้านอาหารของอำเภอบรรพต พิสัยที่หัวหน้าทีมรู้จัก และสนิทสนมประดุจญาติมาตั้งแต่เด็กๆ นั่นเอง
หัวหน้าทีมซอกแซกไปยืนให้กำลังใจทั้งชิมทั้งซื้อหิ้วใส่ถุงกลับบ้าน เพิ่มความรุงรังขึ้นอีกหลายเท่า แต่ก็ปลื้มใจที่ได้มีโอกาสรับประทานอาหารถิ่นที่ใฝ่ฝันสมใจนึก (อร่อยครับ อร่อยของแทร่ยืนยันได้)
วันนี้ขอลงรูปหน้าร้าน “แกงนอกหม้อ” นครสวรรค์ในคอลัมน์คงไม่ว่ากันนะครับ คนยืนข้างซ้ายหัวหน้าทีมนั่นแหละ คุณ รัชนี เชาว์ปรีชา ปราชญ์ชาวบ้านบรรพตพิสัย ผู้ดูแล อาหารถิ่นอีกหลายตำรับที่พวกเราภูมิใจ
ขอบคุณน้องๆ ทุกคนที่มายืนถ่ายภาพด้วย ไม่มีโอกาสลงหน้า 4 ไทยรัฐ ก็ลงหน้า 5 ไทยรัฐ ไปก่อนละกัน
หมายเหตุ งานยังมีวันนี้ (อาทิตย์ที่ 22 กันยายน) อีก 1 วัน…อย่าลืมแวะไปชิม (ฟรี) กันด้วยนะครับ 77 จังหวัด 77 คำ อิ่มแปล้แน่นอน ทุ่นอาหารกลางวันได้ 1 มื้อ เลยละ จะบอกให้.
“ซูม”