วันเดียวกับที่ข่าวออนไลน์ทุกสำนักพร้อมใจกันไลฟ์สดว่า “8 พรรค 313 เสียง จัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อย เซ็น MOU แถลง 23 นโยบาย” นั้นเอง…
รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ท่านก็โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของท่านว่า
“ขอเตือนกันดังๆ อีกครั้งว่าอย่ามัวสนใจกันแต่เรื่องจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว ศึกโควิดที่ทำท่าจะซบเซาไปแล้วกำลังกลับมาโงหัวฟาดหางประเทศเราเป็นการใหญ่
ณ บ้านริมน้ำ (น่าจะหมายถึง รพ.ศิริราช) ตัวเลขผู้ป่วยโควิดรอรับเข้าโรงพยาบาลกลับเพิ่มมากขึ้นใหม่ นอกจากจะเป็นผู้ใหญ่กลุ่มเปราะบางแล้ว เริ่มมีผู้ป่วยเด็กให้เห็นประปรายด้วย
ในภาพรวมประเทศสัปดาห์ล่าสุดที่ 20 ของปี ยังมีการเพิ่มขึ้นไปอีกของยอดผู้ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล ผู้ป่วยอาการหนักและผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจ โดยเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ 19 ก่อนหน้านี้ราว 12 เปอร์เซ็นต์ 26 เปอร์เซ็นต์ และ 39 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ ส่วนยอดผู้เสียชีวิตซึ่งพุ่งตามหลังมาเพิ่มขึ้นไปถึง 200 เปอร์เซ็นต์
ที่ต้องระวังก็คือยอดผู้ป่วยอาการหนักสะสมรวมกันเข้าใกล้แนวรับศักยภาพตึงมือภาคการแพทย์ที่ 500 คนแล้ว และผู้เสียชีวิตก็ใกล้จะถึงแนวรับที่ 10 คนต่อวันเช่นกัน” ฯลฯ และ ฯลฯ
ผมขออนุญาตคุณหมอคัดลอกมาลงคอลัมน์เพื่อเผยแพร่ต่อ และเตือนพ่อแม่พี่น้องประชาชนให้รับรู้ว่า “เธอกลับมาอีกแล้ว” โควิด-19 อันเป็นที่สะพรึงกลัวของมนุษยชาติ แผล็บเดียวเท่านั้นเป็นผลให้คุณหมอไทย “ตึงมือ” ไปตามๆกัน
ที่สำคัญผมยินดีเป็นพยานให้คุณหมอด้วยอีกแรงหนึ่งครับ เพราะตลอดสัปดาห์ที่แล้วมาจนถึงวันนี้ (ขณะกำลังเขียนหนังสือ) ผมต้องกลายเป็นบุคคลที่โดนญาติมิตรตัดขาด…ไล่ไปนอนคนเดียว…ไปอยู่ไกลๆ…ไปนั่งทำงานไกลๆ…อย่ามาเข้าใกล้คนอื่นๆ ในบ้าน
ไม่ใช่เพราะรังเกียจเดียดฉันท์ผม แต่เพราะต้องการป้องกันผมให้ถึงที่สุด…เนื่องจากเป็นเพียงคนเดียวของครอบครัวที่ยังไม่ติดโควิด-19 รอบนี้
ลูกชายผม 2 คน ซึ่งประคองตัวมาได้ตลอด นึกว่าจะรอดพ้นไม่ติด โควิดกับเขาแล้วกลับมาติดในรอบนี้ทั้งคู่ ห่างกันแค่สัปดาห์เดียว
เจ้าหลาน 2 คน อายุ 5 ขวบกับ 9 ขวบเคยติดมาแล้วรอบหนึ่งกลับมาเจออีกรอบส่งผลให้แม่ของเด็กหรือลูกสะใภ้ผมต้องติดอีกรอบตามไปด้วย
แล้วก็มาถึงคิวภรรยาผม (ซึ่งเคยติดพร้อมผมมาแล้วหนหนึ่งเมื่อปลายปีก่อน) กับผู้ช่วยแม่บ้านของผมเป็น 2 รายสุดท้าย
นี่ยังไม่นับญาติข้างภรรยาอีก 2-3 ราย ที่อยู่คนละบ้านส่งข่าวมาว่าติดกับเขารอบนี้ด้วยเหมือนกัน
เหลือผมอยู่คนเดียว ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่รอดอย่างไร
ด้วยเหตุนี้ผมจึงอ่านคำเตือนของคุณหมอนิธิพัฒน์ซํ้าแล้วซํ้าเล่าด้วยความเข้าใจในเนื้อหาสาระและความรู้สึกต่างๆ อย่างซาบซึ้ง เนื่องจากเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่คุณหมอเอ่ยถึงอยู่รอบๆ ตัวผมนี่เอง
จริงอยู่แม้อาการเจ็บป่วยรอบนี้สำหรับญาติมิตรของผมจะไม่รุนแรงมากนัก ปวดหัว ตัวร้อน แล้วก็ไออยู่ 2-3 วันก็หาย แต่ก็ต้องเสียเวลาไปหาหมอ ไปหายามากิน และต้องกักตัวตามกฎกติกามารยาทอยู่หลายวัน
จึงเห็นด้วยกับคุณหมอว่าต้องเอาใจใส่ ต้องระวังตัว ต้องไปฉีดวัคซีน และ ฯลฯ ตามที่คุณหมอแนะนำผ่านโพสต์ของท่าน
ขณะเดียวกันก็อดมิได้ที่จะอธิษฐานวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้โควิด-19 หมดฤทธิ์อย่างแท้จริงเสียทีเถิด อย่ากลับมาระบาดหนักจนต้องตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์หรือ ศบค. ขึ้นมาอีก เพราะประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนนายกฯ เปลี่ยนรัฐมนตรีสาธารณสุขอยู่แล้ว
ประชาชนคนไทยคงจะไม่คุ้นนัก และคงจะรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง หากนายกฯ ที่จะทำหน้าที่ประธาน ศบค. จะเป็นคุณ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และรัฐมนตรีสาธารณสุขก็อาจจะเป็นใครสักท่านที่มิใช่คุณ อนุทิน
รวมทั้งโฆษก ศบค. ซึ่งคงไม่ใช่หมอ ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน แน่นอน แต่อาจจะเป็นตัวแทนจาก “ชมรมแพทย์ชนบท” ก็ได้มั้งครับ งวดนี้ เพราะสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไปแล้ว
ถึงได้ต้องอธิษฐานแล้วอธิษฐานอีก ขอพรแล้วขอพรอีก…หมดเสียทีเถิดโควิด–19 จะทรมานใจชาวโลกและชาวไทยไปถึงไหนกัน?
“ซูม”