ส่องสัตว์กุยบุรี (ตอนจบ) เจอครบ “ช้างป่า+กระทิง”

ซอกแซกสัปดาห์ที่แล้ว ชวนท่านผู้อ่านไปตะลุย “อุทยานแห่งชาติกุยบุรี” เพื่อส่องหา “ช้างป่า” และ “วัวกระทิง” ตลอดจนสัตว์ป่าอื่นๆ เขียนเล่ามาถึงตอนเช่ารถกระบะจากชาวบ้านพร้อมมัคคุเทศก์ชุมชน 1 ราย ขับรถเข้าสู่เขตอุทยานไปได้หน่อยหนึ่ง ยังไม่ทันได้เห็นสัตว์อะไรเลย เนื้อที่ก็หมดเสียก่อน จึงต้องยกยอดมาต่อในสัปดาห์นี้

พร้อมกับทิ้งท้ายว่า วัตถุประสงค์หลักของพวกเราชาวทีมงานซอกแซกครั้งนี้ก็เพื่ออยากดูอยากเห็นและอยากพบกับ “ช้างป่า” กุยบุรี ที่รํ่าลือกันว่ามีถึง 300 กว่าตัว

รวมทั้งนักท่องเที่ยวอื่นๆ ที่เหมารถออกตะลุย ก่อนหน้าเราสัก 10 กว่าคันรถเห็นจะได้ ต่างก็อยากเห็น “ช้างป่า” เช่นกัน…โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างแดน อยากเห็นมากๆ

แต่คนขับรถของเรากลับกระซิบหัวหน้าทีมว่าช่วงนี้ช้างป่าจะออกมากินอาหารค่อนข้างน้อย และมักจะไปหาของป่ากินในป่าลึกเสียมากกว่าจะลงมาแถวๆชายป่าซึ่งเป็นบริเวณที่เราจะไปดู

เพราะฉะนั้นคงต้อง “ลุ้น” หรือ “วิงวอน” ต่อเจ้าป่าเจ้าเขากันหน่อยขอให้คณะเราได้มีโอกาสได้เห็นตัวเป็นๆ ของช้างป่ากุยบุรีอย่างน้อยสัก 2-3 ตัว เพื่อเป็นบุญตาก็ยังดี

โชเฟอร์บอกหัวหน้าทีมด้วยว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งใจมาดูชมช้างป่าอย่างเดียวและไม่สนสัตว์อื่นๆ ทั้งสิ้น วันไหนที่โชคร้ายไม่เจอช้างป่าเลยทั้งไกด์ทั้งคนขับรถจะโดนต่อว่า โดยเฉพาะบริษัทท่องเที่ยวที่ขายตั๋วนำมาดูชมจะโดนต่อว่าหนักมากถึงขั้นขอเงินคืนก็เคยมีมาแล้ว

เหตุเพราะใน “โบรชัวร์” ภาษาอังกฤษเราเขียนไว้ว่า ที่นี่คือ “ซาฟารี” แห่งไทยแลนด์ เมื่อไม่มีช้าง ฝรั่งก็จะบ่นว่าเราหลอกและตำหนิว่าไม่ใช่ “ซาฟารี” เพราะไม่มีช้างป่า จะเรียกว่า “ซาฟารี” ได้ยังไงล่ะ

ดังนั้น แม้ทั้งอุทยานจะมีถึง 300 ตัว ตาม การสำรวจ DNA ขี้ช้างที่ไม่ซ้ำกัน และในฤดูหนาวใกล้ๆ ปีใหม่จะเห็นมากันเป็นฝูงๆ ฝูงละ 10-20 ตัวก็เคยมี แต่พอถึงหน้าร้อนจะหายจ้อยกันไปหมด

แม้จะมีสัตว์อื่นๆ ให้ดู เช่น กระทิง ซึ่งมีเยอะมากกว่า 400 ตัว และวัวแดงอีก 7 ตัว หรือแม้แต่หมีหรือเสือดำก็เคยมีคนเจอ แต่ฝรั่งนักท่องเที่ยวไม่ค่อยสนใจนักจะดูแต่ “ช้างป่า” เสียมากกว่า

ฟังคำบอกเล่าเหล่านี้แล้ว หัวหน้าทีมก็รู้สึก ใจเสียอยู่เหมือนกัน เกรงว่า วันนี้เราอาจจะอดดูช้างป่าไปด้วย จนต้องแอบภาวนาอยู่ลึกๆ ว่า ขอให้โผล่มาสัก 2-3 ตัวก็ได้…จะขอบคุณเป็นที่สุดเลย

ช่วงแรกเราเจอ “สุนัขจิ้งจอก” ตัวหนึ่งที่วิ่งพรวดนำหน้ารถไปหลายเมตร ก่อนจะกระโจนหายเข้าไปเข้าป่าริมทาง ตามมาด้วยนกป่า อาทิ นกแจ็ก (นกเงือกขนาดเล็ก) นกกระเต็น นกแซงแซวหางบ่วง นกแซงแซวหางปลา นกกะปูด นกหัวขวาน และไก่ป่า เรียกเสียงฮือฮาจากทีมงานรุ่นจิ๋วของเราที่นั่งบ้างยืนบ้าง ดูอยู่ที่กระบะรถด้านท้ายไปตลอดทาง

แต่แล้วครู่ใหญ่ต่อมา โชเฟอร์ก็อุทานด้วยความดีใจว่า “เจอช้างป่าแล้วลุง… เจ้าหน้าที่ ว.มาบอกเราจะรีบไปที่จุดนั้นเลยครับ”

อีกพักต่อมาเราก็มาถึงจุดนัดพบ ซึ่งมีป้ายบอกไว้ ว่าเป็นสถานที่ที่สามารถลงจากรถไปยืนดูสัตว์ได้ แต่อย่าออกไปไกลเกินรัศมีที่กำหนดโดยมีเจ้าหน้าที่อุทยาน 3-4 คน ยืนคุมอยู่

ปรากฏว่ามีรถกระบะที่ได้รับข่าวเร็วกว่าเรามาจอดรอแล้ว 5 คัน และไล่หลังตามเรามาอีก 3-4 คัน รวมแล้วกว่า 10 คัน ที่มารอดู “ช้างป่า” ในจุดดังกล่าว

เมื่อหัวหน้าทีมก้าวลงจากรถไปยืนข้างล่าง ก็ได้ยินเสียงร้องอุทานเบาๆ จากนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างประเทศที่ลงไปจากรถก่อนแล้ว สรุปข้อใหญ่ใจความได้ว่า…“นั่นไงช้างป่า…โผล่แล้ว โผล่แล้ว…6 ตัวเลย…อ้าวหายลับไปแล้ว แต่ยังเหลืออีก 2 ตัว…ถ่ายรูปได้เลยครับ เซลฟี่กับช้างก็ได้ครับ แต่อย่าเดินออกไปจากจุดที่กำหนดนะครับ ฯลฯ และ ฯลฯ”

นักท่องเที่ยวไทยสาวใหญ่ แต่งตัวดูดีเธอหนึ่งถึงกับ “ไลฟ์สด” ด้วยกล้องมือถือพร้อมบรรยายเหตุการณ์เป็นฉากๆ ในขณะที่ช้างป่าเดินออกมาให้ดูก่อนหายลับเข้าไปในพุ่มไม้ แต่ก็ยังเหลืออีก 2-3 ตัว ที่ยังคงยืนใช้งวงกระชากหญ้ามาส่งเข้าปากตัวเองแบบเห็นกันได้จะจะอีกหลายนาที

ทีมงานซอกแซกทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ร่วมส่งเสียง ฮือฮาไปพร้อมๆ กับนักท่องเที่ยวอื่นๆ ด้วยความสุขใจ ที่ได้เห็นช้างและยืนดูอยู่เกือบ 10 นาที ถือว่า อิ่มอก อิ่มใจแล้ว จึงกลับขึ้นรถเพื่อตระเวนต่อ เพราะมีข่าวว่านักท่องเที่ยวบางกลุ่มเจอฝูง กระทิง แล้ว

ก็ปรากฏว่า ขับจากจุดเดิมไปอีกแป๊บเดียวก็เจอกระทิงฝูงใหญ่พอสมควร ประมาณ 40 ตัว กำลังเล็มหญ้าอย่างเอร็ดอร่อย

ไกด์บอกเราว่าในฝูงนี้มี “วัวแดง” ซึ่งเป็นกระทิงลูกผสม ระหว่างกระทิงกับวัวอยู่ 1 ตัวด้วย… เราดูกันจนหนำใจเช่นกันก่อนจะขึ้นไปถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ณ จุดชมวิว ซึ่งมีแผ่นป้ายบอกไว้บนเนินเขามองลงไปเห็นทุ่งหญ้าเขียวขจีอยู่เบื้องหน้า

ถ้าโชคดีจะมีช้าง มีวัวกระทิงหรือสัตว์อื่นๆ มาเดินพาเหรดในทุ่งหญ้าให้ดูด้วย แต่วันที่เราไปถ่ายรูปเช็กอินเป็นที่ระลึกนั้น…ถือว่าไม่มีโชค เพราะมีแต่วิวทุ่งสวยๆ อย่างเดียวไม่มีสัตว์ใดๆ เลย

เราใช้เวลาอยู่อีกพักหนึ่งก็ต้องรีบกลับ เพราะอุทยานจะปิดตอน 6 โมงเย็น ซึ่งเหลือเวลาอีก 10 นาทีเท่านั้น ระยะทางยังอีกตั้ง 7 กิโลเมตร อาจจะเกินกำหนดนิดหน่อย แต่ทางไกด์ของเราก็ได้ขอผ่อนผันกับอุทยานเอาไว้แล้ว

สรุปว่าเป็นการเข้าป่าส่องสัตว์ยามบ่ายๆ ที่สนุกและได้ประสบการณ์ที่แปลกกว่าการส่องสัตว์ยามค่ำคืน ที่เคยไปส่องมาแล้วแถวๆ เขาใหญ่… ใครมีแผนไปเที่ยวประจวบคีรีขันธ์ หัวหิน หรือเลยไปถึงบ้านกรูด จะลองแวะไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติกุยบุรี บ้างก็เชิญ สอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้ที่โทร.0-3264-6292 หรือเฟซบุ๊ก:อุทยานแห่งชาติกุยบุรี หาข้อมูลได้ตามอัธยาศัย

ภายในเดือน พ.ค.นี้นะครับ เพราะอุทยานแจ้งว่าจะปิดรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ 1–30 มิถุนายน 2566 รวม 1 เดือน เพื่อให้สภาพป่าฟื้นตัว จะเปิดอีกที 1 กรกฎาคม 2566 โน่นเลย.

“ซูม”

ส่องสัตว์กุยบุรี (ตอนจบ) เจอครบ “ช้างป่า+กระทิง", ท่องเที่ยว, ประจวบคีรีขันธ์, หัวหิน, บ้านกรูด, อุทยานแห่งชาติ, ซูมซอกแซก