คู่มือ “หนีร้อนพึ่งเย็น” ในยุค “ค่าไฟแพงลิ่ว”

จากข่าวคราวความเดือดร้อนจนเกิดเสียงบ่นไปทั้งเมือง กรณี “ค่าไฟฟ้า” แพงลิบลิ่วชาวบ้านที่ได้รับบิลค่าไฟเดือนมีนาคมแล้วโอดครวญไปตามๆ กันดังที่ผมเขียนบันทึกไว้เมื่อวานนี้

วันนี้ขอรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ประกอบการขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ไปจนถึงบริษัท ห้างร้าน และโรงแรม โรงงาน ทั่วประเทศไทย ล้วนออกมาให้สัมภาษณ์โอดครวญเป็นแถวๆเช่นกัน

เช่น สมาคมร้านอาหารกล่าวว่า บางร้านเพิ่มจากเดือนละ 1.2 ล้านบาท เป็น 1.8 ล้านบาท หรือ 50 เปอร์เซ็นต์ ผลประกอบการใกล้ขาดทุนเพราะไม่สามารถปรับราคาอาหารได้

สวนสนุก สยามพาร์ค บางกอก หรือสวนสยามเดิมบอกนักข่าวว่า บิลค่าไฟฟ้าเดือนมีนาคมมียอดเข้า 2.8 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีกลายถึง 65 เปอร์เซ็นต์ ขอฝากให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องนี้ด้วย

โรงแรมใบหยก อันลือชื่อของคุณ พันธ์เลิศ ใบหยก บอกกับน้องๆ นักข่าวว่าทุกวันนี้ โรงแรมยังไม่เต็ม ทั้งที่เชียงใหม่ และ กทม. เพราะนักท่องเที่ยวจีนยังไม่มาตามนัด แต่ค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่าไฟฟ้าเดือนที่แล้วเพิ่มขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์

ครับก็เป็นเสียงโอดครวญเพิ่มเติมจากที่ผมรวบรวมมาเสนอท่านผู้อ่านไว้แล้ว ตั้งแต่เมื่อวานนี้

สำหรับภาคประชาชนนั้น นอกจากบ่นระบายความเดือดร้อนดังกระหึ่มไปทั่วโซเชียลต่างๆ แล้ว ยังมีข่าวด้วยว่ามีประชาชนจำนวนมากหาทางออก และเอาตัวรอดเพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า โดยใช้วิธีหลบไปเดินห้างเป็นแถวๆ

ผู้ช่วย ผู้จัดการใหญ่สายการตลาดของ เซ็นทรัลพัฒนา เจ้าของห้างในเครือเซ็นทรัลทั่วประเทศ ให้สัมภาษณ์มติชนว่า จากอากาศร้อนอบอ้าวอย่างมากในปีนี้ ทำให้ประชาชนเข้าใช้บริการในห้างมากขึ้น

ในส่วนของสมาคมผู้ค้าปลีกรายงานว่า มีประชาชนเข้าใช้บริการในห้างระยะนี้เพิ่มมากขึ้นจริง และใช้เวลาอยู่ในห้างเพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 2-3 ชั่วโมง เป็น 3-4 ชั่วโมง

ทางสมาคมคาดหวังว่าจะมีการใช้จ่ายซื้อของหรือจ่ายอื่นๆ ในห้างเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่สามารถประเมินผลได้ในขณะนี้

ผมเชื่อข่าวและข้อมูลนี้ว่าเป็นไปได้ที่จะมีประชาชนหนีร้อนไปพึ่งเย็นตามห้างต่างๆ มากขึ้น เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้าที่บ้านตนเอง

เพราะโดยปกติก็จะมีประชาชนที่ยากจนหรือผู้ที่เกษียณแล้วไปอาศัยหลบลมร้อนและเดินชมโน่นชมนี่ ฆ่าเวลาไปวันๆ จำนวนมากอยู่แล้ว

เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ผมเกษียณตัวเองจากราชการตอนอายุ 55 ปี มีเวลาว่างอยู่หลายเดือนก็ใช้วิธีไปเดินไปนั่งตามห้างต่างๆ พอเหนื่อยก็นั่งพักกินกาแฟหรือบางห้างเขามีสวนมีกรงนกมีบ่อเลี้ยงปลาให้ดู ผมก็ถือโอกาสไปนั่งดูนกดูปลาเป็นชั่วโมงมาแล้ว

เพื่อพักสมองผ่อนคลายความเครียดจากที่เคยทำงานหนักทั้งหลวงและราษฎร์มายาวนาน และปรับตัวสำหรับงานใหม่ (เช่น พูดวิทยุ หรือเขียนหนังสือมากขึ้น) ว่าอย่างนั้นเถอะ

ผมพบว่ามีพี่น้องประชาชนหลายสิบราย บางห้างเป็นร้อยราย มายืนรอตั้งแต่ 10 โมงเช้าก่อนห้างเปิดด้วยซํ้าไป

ฉะนั้น หากยุคนี้จะมีประชาชนไปอาศัยตากแอร์ในห้างเพื่อหนีค่าไฟเพิ่มขึ้นและใช้เวลานานขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติ

สำหรับแหล่งหลบร้อนอื่นๆ ที่ผมเห็นว่าควรไปใช้บริการมากๆ และขอแนะนำไว้ในวันนี้ ได้แก่ ศูนย์การประชุม หรือศูนย์การแสดงสินค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไบเทค, เมืองทอง หรือศูนย์สิริกิติ์ล้วนแอร์เย็นฉ่ำทั้งสิ้น

เดินดูนิทรรศการบ้าง บูธสินค้าบ้าง (ไม่ซื้อก็ไม่มีใครว่าอยู่แล้ว) และการแสดงโน่นนี่ไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็นั่งพัก เพราะเขาจะมีเก้าอี้จัดไว้เป็นระยะๆ…อยู่ใกล้ที่ไหนก็ไปที่นั่นเลย โดยเฉพาะไบเทค บางนา กับศูนย์สิริกิติ์ มีรถไฟฟ้าไปถึงสะดวกมาก

สรุปแล้ว “เดินห้าง” กับไปเดิน “ศูนย์การประชุม” หรือ “ศูนย์แสดงสินค้าต่างๆ” เป็นวิธี “หนีร้อนพึ่งเย็น” และประหยัดค่าแอร์ตอนกลางวันที่บ้านที่ดีที่สุดครับสำหรับฤดูร้อนปีนี้

ถือว่าไปช่วยใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าด้วยซํ้า เพราะยังไงๆ นักธุรกิจเขาก็สร้างห้างอยู่แล้ว สร้างศูนย์ฯ อยู่แล้ว เปิดแอร์อยู่แล้ว การปล่อยให้โหรงเหรงไม่มีผู้คนซะอีกจะถือว่าเป็นการสูญเปล่าของการลงทุนและสิ้นเปลืองทรัพยากร ทั้งการเงินและพลังงานไปอย่างน่าเสียดาย

แฮ่ม! ควรจะขอบคุณพวกเราชาวประชาชนที่ไปเดินตากแอร์แน่นห้างยามนี้ (ซึ่งอาจไม่ซื้ออะไรเลย) กันด้วยนะเนี่ย.

“ซูม”

คู่มือ “หนีร้อนพึ่งเย็น” ในยุค “ค่าไฟแพงลิ่ว”, ค่าไฟฟ้า, ศูนย์การประชุม, ศูนย์การค้า, ทรัพยากร, ทรัพยากร, การเงิน, พลังงาน, ซูมซอกแซก