“คนรัสเซีย” หลั่งไหลเข้าไทย “ได้” หรือ “เสีย” ต้องรีบคิด

ผมอ่านรายงานของ “วอยซ์ ออฟ อเมริกา” ว่าด้วยนักท่องเที่ยวรัสเซีย กำลังหลบหนีสงคราม “รัสเซีย–ยูเครน” มาอยู่ประเทศไทย ทั้งชั่วคราวและถาวรแล้ว ก็ชักไม่ค่อยสบายใจ เดาไม่ถูกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทยของเราในอนาคต?

ลองอ่านข้อมูลและข้อเท็จจริงกันเสียก่อนว่า สถานการณ์ของนักท่องเที่ยวรัสเซีย ที่มาประเทศไทย ณ ขณะนี้เป็นอย่างไร?

วอยซ์ ออฟ อเมริกา รายงานว่า ในช่วงที่ประเทศไทยเปิดประเทศหลังโควิดเมื่อเร็วๆ นี้ นักท่องเที่ยวรัสเซียกลายเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่อันดับ 3 รองจากมาเลเซียและอินเดีย

เฉพาะ 3 เดือนสุดท้ายของปีที่แล้วนักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางเข้าประเทศไทยมากกว่า 331,000 คน

ไม่เพียงแต่เข้ามาเที่ยวอย่างเดียวเท่านั้น สำนักข่าวแห่งนี้ รายงานว่า ชาวรัสเซียยังมีการลงทุน มีการเช่าหรือซื้อที่อยู่อาศัย ในระยะยาว ในประเทศไทยอีกด้วย ส่งผลให้ราคาบ้านเช่าในภูเก็ตมีราคาพุ่งสูงอย่างรวดเร็วในตลาดของชาวรัสเซีย

ที่สำคัญเขารายงานด้วยว่าสำหรับคอนโดฯ ในภูเก็ตที่ขายให้แก่ชาวต่างชาติในช่วงนี้ ชาวรัสเซียเป็นผู้ซื้อถึงเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์

เหตุผลของการอยู่ระยะยาวประการหนึ่ง ก็คือหลบภาวะสงครามและหลบหนีการเกณฑ์ทหารนั่นเอง

บางคนอาจจะหลบอยู่ชั่วคราว รอให้สงครามสงบแล้วค่อยกลับ แต่บางคนอาจจะอยู่ยาวถึงขั้นปักหลักและเริ่มทำงานอย่างผิดกฎหมายไทย

เช่นการเป็นไกด์และขับแท็กซี่ ฯลฯ

สำนักข่าวแห่งนี้ ซึ่งชื่อก็บอกชัดว่าเป็นของสหรัฐอเมริกา ยังไงๆ ก็ต้องเชียร์อเมริกาเต็มเหนี่ยวอยู่แล้ว

ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นสำนักเดียวกับ “เสียงอเมริกา” ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของสหรัฐฯ ยุคก่อนหรือไม่?

แม้รายงานของเขาจะเป็นการ “จับผิด” คนรัสเซีย ซึ่งในทัศนะของสหรัฐฯ ถือเป็นคู่สงครามด้วย เพราะสหรัฐฯ นั้น สนับสนุนยูเครนเต็มตัว

สหรัฐฯ และหลายประเทศในยุโรปใช้นโยบายคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรัสเซียโดยตรงรวมทั้งมีการยึดทรัพย์สินและการลงทุนของนักธุรกิจรัสเซียในยุโรปเกือบทั้งหมดและขณะเดียวกันก็ห้ามการเดินทางของคนรัสเซียเข้าสู่ประเทศของตน

แต่คนรัสเซียจำนวนหนึ่งก็ยังออกนอกประเทศได้และมาลงทุนในประเทศไทยได้ เพราะเราใช้นโยบายเป็นกลาง ต้อนรับทุกๆ ฝ่าย

ผมก็เดาว่า “วอยซ์ ออฟ อเมริกา” จึงมาหาข่าวในเรื่องนี้ และน่าจะเสนอกลับไปที่รัฐบาลอเมริกันว่า จะจัดการกับเรื่องนี้หรือไม่อย่างไร?

เพราะการออกมาค้าขายได้มาลงทุนได้ ชาวรัสเซียก็อาจจะส่งทุน ส่งรอนกลับประเทศสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจแก่ประเทศตนที่ทางสหรัฐฯ คงไม่ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้น

ผมหวังว่ารัฐบาลไทยและกระทรวงการต่างประเทศจะไม่นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ น่าจะตามดูท่าทีของฝ่ายสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด และเตรียมรับมือกับสถานการณ์อะไรก็ตามที่อาจเกิดตามมาจากรัฐบาลอเมริกัน

แน่นอนในฐานะที่เราเป็นประเทศเอกราชมีสิทธิที่จะบริหารกิจการทุกอย่างที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยของเราโดยไม่จำเป็นต้องฟังความเห็นของใครอื่นๆ ที่กำลังขัดแย้งกันอยู่

แต่การศึกษาทางหนีทีไล่ น่าจะเป็นประโยชน์แก่เราไม่มากก็น้อย หากรูปการณ์เป็นไปในทำนองที่สหรัฐฯจะดำเนินการอะไรบางอย่างแก่เรา?

ที่สำคัญแม้ผมจะเห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลในปัจจุบันที่มีการเชิญชวนชาวต่างประเทศมาใช้ชีวิตยามเกษียณในประเทศไทย และเป็นที่น่าภาคภูมิใจที่ใครๆ ก็บอกว่าประเทศไทยน่าอยู่และเหมาะแก่การใช้ชีวิตเกษียณ จึงแห่มาอยู่บ้านเรามากขึ้น

แต่ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าในผลดีอาจจะมีผลเสียอยู่…เราคิดอ่านกันหรือยังว่าผลเสียนั้นมีอะไรบ้าง? และคุ้มกันไหม? กับการที่จะให้ชาวต่างชาติมาเกษียณในบ้านเรา?

ผมแก่เกินกว่าจะคิดได้ก็ฝากท่านผู้บริหารประเทศชาติที่ยังหนุ่มยังแน่นช่วยคิดด้วยก็แล้วกัน

และด่วนที่สุด! ที่ต้องคิดก็คือ ประเด็นที่ “วอยซ์ ออฟ อเมริกา” เปิดขึ้นมานี่แหละ…

เขาหาว่าคนรัสเซียหนีทหารบ้าง? หนีสงครามบ้าง? จะอยู่ไทยระยะยาวบ้าง? ฯลฯ เหล่านี้จะมีผลดีผลเสียอย่างไรแก่ประเทศไทยบ้างครับ? ในทุกมิตินะครับ ไม่ว่าด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองระหว่างประเทศด้วย ดูให้ครบถ้วนก็แล้วกันนะครับ.

“ซูม”