“สันติภาพ” ส่อเค้าเป็นหมัน สหรัฐฯ “ปฏิเสธ” แผนสันติภาพจีน

ผมเชื่อว่าผู้คนส่วนใหญ่ในโลกนี้อาจจะถึง 80 เปอร์เซ็นต์ด้วยซํ้าที่อยากจะเห็นสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” ยุติลง

เพราะลำพังแค่เจอพิษร้ายของโควิด-19 อย่างเดียวเศรษฐกิจโลกก็ถดถอยระเนนระนาด จะล้มละลายกันเป็นระนาวอยู่แล้ว

ยังมาเจอพิษภัยของสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” กระหน่ำซํ้าเข้าให้อีกก็ยิ่งจะทำให้ปัญหาเศรษฐกิจทรุดหนักยิ่งขึ้น

เพราะมีทั้งการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งกระเทือนไม่เฉพาะรัสเซียเท่านั้น แต่กระเทือนไปทั้งโลกอีกด้วย

ครั้นเมื่อรัสเซียตอบโต้กลับมาบ้าง เช่น ลดการผลิตน้ำมัน ลดการส่งออกพลังงานไปโน่นไปนี่ ความผันผวนเรื่องราคาน้ำมันก็ตามมา

เดี๋ยวสูงขึ้น เดี๋ยวลดลง แต่มีแนวโน้มไปทางสูงขึ้นมากกว่า สร้างความเดือดร้อนแก่ประเทศที่ใช้น้ำมันทั่วโลก

นักเศรษฐศาสตร์ใหญ่ๆขององค์กรระดับโลก จึงมีความเป็นห่วงอย่างมากและจะเตือนอยู่เสมอว่า สงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” ถ้าไม่หยุดลงจะทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างยากลำบาก

ผมเองเห็นด้วยกับบทวิเคราะห์ของนักเศรษฐศาสตร์มาตลอด จึงภาวนาขอให้สงครามครั้งนี้จงคลี่คลายไปในทางที่ดีและหากยุติลงโดยเร็วได้ก็จะเป็นผลดีแก่มวลมนุษย์ทั่วโลก

ดังนั้น เมื่อได้ข่าวว่าจีนยื่นเสนอ “แผนสันติภาพ” เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี ของการบุกเข้ายูเครนของรัสเซีย เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

แอบภาวนาให้ทั้งคู่กรณีและผู้สนับสนุนสงครามครั้งนี้ ยอมรับแผนสันติภาพดังกล่าวไปพิจารณา เพื่อหาทาง “ปฏิบัติ” เพื่อไปสู่จุดหมายปลายทาง คือการยุติสงครามครั้งนี้ลงให้ได้

เท่าที่ผมอ่านข้อเสนอ 12 ข้อ ตามแผนสันติภาพที่จีนแถลงไว้ก็ดูเข้าท่าดี แม้บางข้ออาจจะต้องดูรายละเอียด หรือต้องไปพิจารณาอย่างลึกซึ้งมากกว่านี้ แต่ก็น่าจะถือเป็นจุดเริ่มต้นในการหยิบยกมาคุยกันได้

ที่ไหนได้ประเทศใหญ่ๆ ของตะวันตกอย่างสหรัฐฯ และในกลุ่มนาโต ที่สนับสนุนยูเครนแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ต่างมอง “แผนสันติภาพ” ของจีน แบบบูลลี่กันไปเสียหมด

โดยเฉพาะคุณ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถึงกับให้สัมภาษณ์ว่า แผนสันติภาพของจีนไม่สมเหตุสมผล และอ่านข้อเสนอแล้วไม่พบว่าจะเป็นประโยชน์แก่ใคร

ส่วนเลขาธิการนาโต นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก ถึงกับใช้คำพูดกับผู้สื่อข่าวว่า “จีนไม่มีเครดิตและความน่าเชื่อถือ”

ประธานาธิบดีเซเลนสกีแห่งยูเครนเสียอีก ที่แสดงท่าทีว่าอยากพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพื่อขอฟังข้อเสนอบางข้อ

รวมทั้งประธานาธิบดีมาครงแห่งฝรั่งเศสที่แสดงความเห็นในเชิงบวกว่า การที่จีนจะเข้ามามีส่วนร่วมในแผนสันติภาพในยูเครน เป็นเรื่องที่ดี และตัวท่านเองก็มีกำหนดการจะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในเดือนเมษายนนี้

จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่สหรัฐฯ โดยเฉพาะประธานาธิบดีไบเดน ปฏิเสธแผนสันติภาพของจีนแบบไม่มีเยื่อใยเสียตั้งแต่อ่านข้อเสนอรอบแรก

ถ้าจะให้ผมเดาอย่างคนไม่ค่อยรู้ตื้นลึกหนาบางของการเมืองโลกมากนัก ผมก็มองอย่างตื้นๆตามความคิดของผมว่า น่าจะเป็นเพราะความไม่พอใจจีนในสารพัดเรื่องที่เป็นต้นเหตุให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ “มึนตึง” อยู่จนถึงบัดนี้

คนเราเมื่อไม่พอใจกันในเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว ก็มักจะไม่พอใจไปเสียทุกเรื่อง รวมทั้งอาจจะเกิดความรู้สึก…ขอประทานโทษที่ชาวบ้านใช้คำว่า “หมั่นไส้” เอาเสียด้วยซ้ำ

ผมก็ได้แต่ภาวนาขอให้ผู้นำสหรัฐฯ ลดความหมั่นไส้หรือความขุ่นข้องหมองใจจีนในเรื่องอื่นๆ ลงบ้าง…หรือไม่ก็เอาไปคิดบัญชีกันในภายหลัง

สำหรับในห้วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้ควรจะหันมาเอาใจใส่ และพิจารณาแผนสันติภาพของจีนอย่างจริงจัง และอย่างไม่มีอคติ หรือจะเสนอแผนบ้างในทัศนะของสหรัฐฯด้วยก็ว่ามา

ไม่ใช่กระต่ายขาเดียว ยืนยันสนับสนุนอาวุธและสนับสนุนเงินให้ยูเครนสู้รบเต็มที่อย่างทุกวันนี้…เพราะถ้าสหรัฐฯยังคิดและทำเช่นนี้ เมื่อไรสันติภาพจะเกิดได้ล่ะครับ? และถ้าสันติภาพไม่เกิด เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้อย่างไรล่ะครับ?

“ซูม”

“สันติภาพ” ส่อเค้าเป็นหมัน สหรัฐฯ “ปฏิเสธ” แผนสันติภาพจีน, สงคราม, รัสเซีย-ยูเครน, โจ ไบเดน, สี จิ้นผิง, เศรษฐกิจโลก, ซูมซอกแซก