วัดพระบาท “ภูมโนรมย์” ไม่ไป “ไม่ถึง” มุกดาหาร

ซอกแซกสัปดาห์นี้ยังอยู่กันที่จังหวัดมุกดาหาร เมืองเล็กๆ ที่น่ารักริมฝั่งแม่น้ำโขงที่ได้รับฉายาว่า “ประตูสู่อินโดจีน” ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน

คงต้องเท้าความเล็กน้อยว่าหัวหน้าทีมซอกแซกมีโอกาสไปร่วมเป็นสักขีพยานในการมอบรางวัล “โพธิคยานาคาธิบดี” ของสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 แก่บุคคลและองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่พระพุทธศาสนารวม 11 รางวัล ณ สวนสาธารณะ องค์พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช แก่งกะเบา อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหารเมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์

จึงได้เขียนรายงานถึงบรรยากาศของความประทับใจของพิธีมอบรางวัลที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน สืบเนื่องมาจากพิธีสวดชยันโตของพระภิกษุสงฆ์ที่ดังกึกก้องปะรำพิธีริมฝั่งแม่น้ำโขงอย่างน้อย 11 ครั้ง ของการมอบรางวัลทั้ง 11 รางวัลดังกล่าว

สัปดาห์นี้ขออนุญาตรายงานต่อถึงบรรยากาศอื่นๆ บ้าง เพราะหลังจากร่วมพิธีมอบรางวัลแล้วตั้งแต่เช้าถึงบ่าย 3 โมงวันรุ่งขึ้น คณะผู้รับรางวัลและสักขีพยานตลอดจนกรรมการของสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย และมูลนิธิวีระภุชงค์ ผู้สนับสนุนด้านงบประมาณรวมถึงผู้รับเชิญอื่นๆ ก็ได้ออกตระเวนไปเยี่ยมวัดต่างๆอีกหลายวัด

รวมทั้งวัด “ภูมโนรมย์” หรือเรียกอีกอย่างว่า วัด “รอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์” หมู่ 5 ตำบลนาสีนวน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่พักของเรา และจากตัวเมืองมุกดาหารเท่าไรนัก

ลักษณะเด่นของวัดนี้ก็คือ พระพุทธรูปองค์ใหญ่สีขาวที่ประดิษฐานอยู่ใกล้ๆยอดเขา ซึ่งยังมีป่าไม้เขียวชอุ่ม มองแต่ไกลจะคล้ายๆ กับว่า พระพุทธรูปใหญ่องค์นี้ลอยขึ้นมาจากยอดไม้เชิงภูเขาที่ว่านั้น

จากคู่มือท่องเที่ยวจังหวัดมุกดาหารจัดทำโดยสื่อด้านท่องเที่ยวและบริษัทท่องเที่ยวต่างๆ ที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดนี้ 10 แห่งบ้าง 15 แห่งบ้าง จะมีรายชื่อของ วัดภูมโนรมย์ ติด “ท็อป 5” ทั้งสิ้น และใน 6 สื่อที่ทีมงานซอกแซกสืบค้น “ติดอันดับ 1” ของจังหวัดถึง 3 สื่อด้วยกัน

นอกนั้นก็ติดอันดับ 2 และไม่เกินอันดับ 3 เป็นการยืนยันว่าวัดแห่งนี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ใหม่ของจังหวัดมุกดาหาร เป็นสถานที่ซึ่งนอกจากจะสวยงามแล้วยังเต็มไปด้วยบรรยากาศของความศักดิ์สิทธิ์และอบอวลไปด้วยธรรมะที่ควรแก่การไปเยี่ยมชมและสักการะ

จนมีการพูดจาเป็นเชิงยกย่องวัดภูมโนรมย์กันว่า ใครที่มีโอกาสไปจังหวัดมุกดาหารอย่าลืมไปไหว้พระใหญ่ที่วัดนี้นะ… เพื่อให้ได้ชื่อว่าไปถึงเมืองมุกดาหารแล้วอย่างครบถ้วนบริบูรณ์

จากประวัติที่มีการจารึกไว้ระบุว่า วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาตั้งแต่ พ.ศ.2461 เป็นเวลากว่า 100 ปีนับถึงบัดนี้ ในวัดมีทั้งพระธาตุแปดเหลี่ยม และรอยพระพุทธบาทจำลองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่วัด แต่เนื่องด้วยอยู่ห่างไกล และอยู่เนินเขาทำให้การไปมาหาสู่ยากลำบาก ชาวบ้านจึงปล่อยทิ้งไว้เป็นวัดร้างมาเป็นเวลาหลายสิบปี

จนกระทั่ง พ.ศ.2525 เจ้าคณะจังหวัดมุกดาหาร จึงได้มอบหมายให้เจ้าคณะอำเภอหาทางปรับปรุงและมีการเตรียมการสร้างทางเข้าสู่บริเวณวัด เพื่อให้การเดินทางสะดวกขึ้น

ต่อมาใน พ.ศ.2552 คณะสงฆ์ร่วมกับจังหวัดมุกดาหาร ก็ได้ร่วมใจกันจัดสร้างพระพุทธรูปใหญ่ขึ้นองค์หนึ่งในชื่อ “พระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์” เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในวันที่ 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2554

ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลจำนวนหนึ่ง และได้รับเงินสมทบจากราษฎรชาวมุกดาหารอีกกว่า 100 ล้านบาท จากนั้นก็ดำเนินการก่อสร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตัก 39.99 เมตร สูง 59.99 เมตร ณ บริเวณเชิงเขาดังกล่าว จนแล้วเสร็จในที่สุด

เพื่อให้สมบูรณ์แบบและเป็นไปตามความเชื่อของท้องถิ่นว่า จังหวัดมุกดาหารมีพญานาค 3 องค์ ได้แก่ พญานาคดิน ณ สวนสาธารณะแก่งกะเบา พญานาคน้ำ ณ บริเวณสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 2 และ พญานาคฟ้า ซึ่งยังไม่ได้สร้างไว้จึงกำหนดมาสร้างที่วัดนี้

ดังนั้น เมื่อ พ.ศ.2560 ทางจังหวัดร่วมกับเจ้าอาวาสวัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ ก็ได้จัดสร้างพระยานาคฟ้า หรือ พญาศรีมุกดามามุนี นีลปาลนาคราช ขึ้นในบริเวณไหล่เขาที่ต่ำกว่าพระพุทธรูปเล็กน้อยขึ้นมาอีกองค์หนึ่ง

จากพระพุทธรูป มองลงมาจะเห็นพญานาค ซึ่งมีความยาว 122 เมตร สูง 20 เมตร ลำตัวสีฟ้าอมเขียวอย่างชัดเจน และจากองค์พญานาคเงยหน้าขึ้นไป ก็จะเป็นองค์พระพุทธรูปอย่างชัดเจนเช่นกัน

ตั้งแต่ปี 2561 หลังสร้างพญานาคฟ้าแล้วเสร็จเป็นต้นมา วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ ก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทาง “ธรรมะ” และทางความเชื่อของประชาชนท้องถิ่นเรื่องพญานาคและกลายเป็น “แลนด์มาร์ก” ที่สำคัญของจังหวัดมุกดาหารมาตราบจนทุกวันนี้

หัวหน้าทีมซอกแซกได้ขึ้นไปร่วมพิธีสวด มนต์กับคณะ ณ บริเวณพื้นกว้างด้านหน้าพระพุทธรูป เมื่อช่วงสายๆ ของวันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ และได้เดินชมความงามของจังหวัดมุกดาหาร รวมถึงแขวงสุวันนะ เขตของ สปป.ลาว ที่มองเห็นอยู่เบื้องหน้าด้วยความประทับใจอย่างยิ่งอยู่หลายนาที

พร้อมกับลงมาดื่มกาแฟในร้านกาแฟสมัยใหม่ตกแต่งเป็นบ้านญี่ปุ่นอยู่กึ่งกลางระหว่างพระพุทธรูปและพญานาคที่มองกลับขึ้นไปจะเห็นองค์พระพุทธรูปประดิษฐานโดดเด่นเป็นสง่าแผ่รัศมีแห่งความเป็นสิริมงคลอยู่เบื้องหน้า

หัวหน้าทีมขออาราธนาอัญเชิญพระบารมีจากองค์พระใหญ่มามอบแด่ทางผู้อ่านทุกท่านในวันนี้ด้วยนะครับผ่านภาพถ่ายจากไอโฟน “13 Pro” ที่หัวหน้าทีมบรรจงถ่ายด้วยตนเอง

มีโอกาสอย่าลืมแวะไปสักการะด้วยนะครับ…มุกดาหารแค่นี้เอง นั่งเครื่องบินชั่วโมงเศษถึงนครพนม นั่งรถต่ออีก 1 ชั่วโมงเศษก็ถึงแล้วจ้า!

“ซูม”