ก่อนผมเขียนต้นฉบับวันนี้เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ไทยรัฐออนไลน์ ซึ่งเป็นสำนักข่าวออนไลน์ที่ได้ชื่อว่ามีผู้คนเข้าติดตามอ่านข่าว และบทความต่างๆ มากที่สุดในบรรดาสำนักข่าวเท่าที่มีอยู่ในประเทศ ไทยเรา…ขึ้นพาดหัวรายงานข่าวด่วนชิ้นหนึ่งว่า
“1 ก.พ.นี้แจกถุงยางฟรี คนถือบัตรทอง 30 บาทผ่านแอปเป๋าตัง”
พร้อมรายละเอียดโดยสังเขปว่า สปสช. ดีเดย์ 1 ก.พ.นี้ แจกถุงยางอนามัยฟรีสำหรับผู้ถือบัตรทอง 30 บาท เพื่อเพิ่มทางเลือกในการแก้ปัญหาท้องไม่พร้อม และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกหลายโรค อาทิ โรคซิฟิลิส โรคมะเร็งปากมดลูกจากเชื้อเอชไอวี หนองใน หนองในเทียม และเอดส์ เป็นต้น
ผู้แถลงข่าวนี้ก็คือ คุณหมอ จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินั่นเอง
ท่านยํ้าว่า สปสช. ได้บรรจุการให้บริการถุงยางให้เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “บัตรทอง 30 บาท” มาอย่างต่อเนื่อง และในปี 2566 นี้ ยังคงสนับสนุนต่อไปโดยเบื้องต้นได้เตรียมถุงยางอนามัยไว้ 94,566,600 ชิ้น สำหรับกลุ่มเป้าหมาย
ทั้งนี้ประชาชนที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์จะได้รับถุงยางอนามัยครั้งละ 10 ชิ้น/คน/สัปดาห์ ไม่เกิน 52 ครั้ง/คน/ปี เริ่มตั้งแต่ 1 ก.พ.2566 อีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้เป็นต้นไป
สำหรับวิธีรับแจกนั้นท่านให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และสมาร์ทโฟน จากนั้นก็ไปรับถุงยางได้ที่หน่วยบริการประจำ และหน่วยบริการปฐมภูมิ และร้านยา หรือคลินิกชุมชน ฯลฯ ส่วนใครที่ไม่มีโทรศัพท์มือถืออัจฉริยะก็ใช้บัตรประชาชนไปแจ้งขอรับได้เลย
รายละเอียดต่างๆ เยอะมาก กรุณาคลิกอ่านใน ไทยรัฐออนไลน์ หรือเข้ากูเกิล คลิกหัวข้อแจกถุงยางอนามัยฟรีกันได้นะครับ
ผมต้องขอขอบคุณ ท่านเลขาธิการ สปสช.ไว้ ณ ที่นี้ ที่ได้ดำเนินการแจกถุงยางอนามัยมาหลายปีแล้ว ผมเองได้ข่าวตั้งแต่ปีกลายคือ 2565 ไม่แน่ใจว่าจะเคยเขียนไว้หรือไม่? ถ้าเคยแล้วก็ขออนุญาตเขียนซ้ำอีกก็แล้วกัน เพราะโดยส่วนตัวผมเห็นว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพของพี่น้องชาวไทยเราอย่างยิ่ง
เป็นที่ทราบกันแล้วว่าในยุคโรคติดต่อที่ร้ายแรงระบาดจากการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่โรคธรรมดาๆ เช่น ซิฟิลิส หรือหนองใน ที่ครั้งหนึ่งคนไทยเคยเรียกว่า “โรคผู้หญิง” เพราะติดมาจากการร่วมเพศกับหญิงโสเภณี เราก็เคยใช้ถุงยางกันมาแล้วอย่างได้ผล
ในยุค “เอดส์” ที่เป็นแล้วถึงแก่ชีวิตระบาดมากๆ “ถุงยาง” ก็ช่วยได้อย่างมีนัยสำคัญ จนโรคเอดส์บรรเทาเบาบางลงอย่างมาก
หรือในยุควางแผนครอบครัว เราก็ใช้ถุงยางกันอย่างได้ผล…ผมยังเคยตั้งชื่อถุงยางว่า “ถุงยางมีชัย” ตามชื่อของคุณ มีชัย วีระไวทยะ ผู้ริเริ่มแจกถุงยางอนามัยคนแรกๆ ของประเทศไทย จนคำว่า “ถุงยางมีชัย” ติดปากประชาชนอยู่หลายปี
เมื่อทราบว่าทาง สปสช. จะแจกถุงยางฟรีแก่ประชาชน ในครั้งนี้จึงขอร่วมประชาสัมพันธ์ด้วยอีกแรงหนึ่ง
ส่วนที่ระบุจะเริ่มตั้งแต่ 1 ก.พ.เป็นต้นไปนั้น ผมก็คาดเดาว่าเพราะเดือนกุมภาพันธ์ เป็นเดือนแห่งความรัก โดยวันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวัน “วาเลนไทน์” หรือ “วันแห่งความรัก” อันเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว
เนื่องจากกิจกรรมอันเนื่องมาจากความรักที่มักจะเกิดขึ้นมากในวันแห่งความรัก โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน อันจะเป็นเหตุให้โรคร้ายต่างๆ รวมทั้งการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นในวันแห่งความรักค่อนข้างมากเป็นพิเศษ
การเริ่มแจกในต้นเดือนกุมภาพันธ์ จึงเหมาะสมทุกประการ
ข่าวนี้นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังที่ยกตัวอย่างมาในหลายๆ ด้านแล้ว ยังทำให้ผมนึกถึง “การกระตุ้นเศรษฐกิจ” ในช่วงเทศกาลแห่งความรักขึ้นมาทันที
ขอฝาก “ห้าง” ต่างๆ ทั่วประเทศไว้ด้วยนะครับ…ท่านช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายมาตั้งแต่ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และเทศกาลตรุษจีนปีนี้อย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง อย่าลืมกระตุ้นต่อในช่วงเทศกาล “วันแห่งความรัก” ด้วยก็แล้วกัน
สินค้าอะไรที่ขายได้ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ รีบเตรียมออกมาวางเลยนะครับ เพราะเทศกาลตรุษจีนกำลังจะผ่านไป ในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว…จะได้ขายสินค้าต่อในเทศกาลวาเลนไทน์กระตุ้นเศรษฐกิจไทยเราอย่างต่อเนื่องว่างั้นเถอะ.
“ซูม”