เศรษฐกิจไทย “พุ่ง” ต่อ ฉลุย “วันเด็ก+ตรุษจีน”

อย่างที่ผมเขียนเกริ่นไว้ตั้งแต่ฉบับวันเสาร์ที่ผ่านมาแล้วว่า “ตรุษจีน” ปีนี้มาเร็ว และก็เป็นตรุษจีนแห่งความหวัง เพราะคาดว่า การใช้จ่ายทั้งของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนในบ้านเราเอง และนักท่องเที่ยวจีนจากต่างประเทศที่จะทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมาก

พอดีได้อ่านรายงานของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุเป็นตัวเลขอย่างชัดเจนว่า เฉพาะใน กทม.อย่างเดียวเม็ดเงินกระฉูดขึ้นกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการกลับมา “บวก” เป็นปีแรกหลังโควิด-19…ก็ขอนำข้อมูลมาเผยแพร่ต่อในวันนี้

พร้อมกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องอีกหลายข้อมูล ที่จะทำให้เรามั่นใจมากขึ้นไปอีกว่า ตรุษจีนปีนี้น่าจะเป็น “ปีทอง” ของประเทศไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าค่าใช้จ่ายตรุษจีนของคนกรุงเทพฯ ในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 12,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับตรุษจีนปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในรอบ 3 ปี

ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาสินค้าปรับขึ้นไปโดยเฉลี่ย 3.5 เปอร์เซ็นต์ด้วย แต่ประเด็นหลักก็คือจำนวนผู้คนที่จะออกมาใช้จ่ายและท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่แล้วประมาณ 1.5 เปอร์เซ็นต์

แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยก็เตือนว่าเงินค่าใช้จ่ายที่เป็น “อั่งเปา” จะยังไม่สูงนักอาจจะลดลงด้วยซํ้า และหลังจากเทศกาลตรุษจีนแล้วคาดว่า ชาว กทม.จะกลับมาวางแผนการใช้จ่ายอย่างรัดกุมมากขึ้น

นอกจากนี้ก็ยังมีข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ ที่มาช่วยเติมความมั่นใจว่า ตรุษจีนปีนี้ต้องฉลุยแน่นอน

โดยเฉพาะจากการให้สัมภาษณ์ของท่านผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กิตติพงศ์ กิตติขจร เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา สรุปได้ว่าในช่วงเทศกาลตรุษจีน 13 วันของปีนี้ นับจาก 16-28 มกราคม จะมีผู้โดยสารผ่านสนามบินสุวรรณภูมิกว่า 1.8 ล้านคน หรือเฉลี่ยวันละเกือบ 140,000 คน

ในจำนวนนี้จะเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศถึง 1.3 ล้านคน รวมทั้งขาเข้าและขาออก

แม้ท่านจะไม่ได้แยกให้เห็นชัดจากข่าวที่ผมมีอยู่ในมือว่าเป็นขาเข้ากี่คนและขาออกกี่คน…แต่ก็คาดการณ์ได้ว่า ขาเข้า หรือนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศน่าจะทะลักแน่ๆ

นอกจากนั้นในส่วนของข้อมูลด้านจำนวนเที่ยวบิน…นอกจากจะสูงถึง 10,965 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ยวันละ 843 เที่ยวบิน ทั้งขาเข้าขาออกแล้วก็ยังมีเครื่องบินเช่าเหมาลำพิเศษเข้ามาอีก 10 สายการบิน รวม 86 เที่ยวบิน เกือบทั้งหมดบินมาจากต่างประเทศ

เห็นตัวเลขเห็นข้อมูลจากสนามบินสุวรรณภูมินี้แล้วก็สรุปได้ชัดเจนว่าช่วงตรุษจีนนี้เงินสะพัดประเทศไทยแน่นอน

น่าจะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเราได้อย่างต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้วมาถึงช่วงปีใหม่ วันเด็กแล้วก็ตรุษจีน…เผลอๆจะไปต่อถึงวาเลนไทน์และสงกรานต์ก็เป็นได้

เมื่อช่วง “วันเด็ก” ที่ผ่านมาก็ล้นทะลักเช่นกัน…ทุกสถานที่จัดงานแน่นไปหมด โดยเฉพาะที่ ซาฟารีเวิลด์ สวนสัตว์เปิดระดับโลกของเจ้าสัว ผิน คิ้วคชา มีเด็กๆ ทะลักไปนับหมื่นคน…เฉพาะที่เข้าไปกรี๊ดเพลง “ทรงอย่างแบด” กับวง เปเปอร์ เพลนส์ อย่างสดๆ ที่ เวทีปลาโลมา ก็กว่า 5,000 คนเข้าไปแล้ว

ก็ขอให้กำลังใจเศรษฐกิจประเทศไทยให้ “ฉลุย” ต่อไปเรื่อยๆ สวนกระแสโลกอย่างที่หลายๆ ฝ่ายคาดหวังไว้

แต่ก็อย่าประมาทนะครับ…กระทวงสาธารณสุข ที่เคารพ…อย่าให้เกิดภาวะ “ทุกขลาภ” ขึ้นก็แล้วกัน เพราะการที่นักท่องเที่ยวทะลักเข้ามานั้น นอกจากจะนำเงินเข้ามาใช้จ่ายแล้ว…ก็น่าจะนำเชื้อโควิด-19 เข้ามาบ้างไม่มากก็น้อย

แม้ผมจะไม่มีอคติต่อนักท่องเที่ยวจีนจากแผ่นดินใหญ่ เพราะยังเชื่อว่าข่าวของสำนักข่าวตะวันตกที่บอกว่าจีนเจอปัญหาโควิดแบบติดเยอะเสียชีวิตเยอะ จนเผาแทบไม่ทันนั้น…ดูจะเป็นการป้ายสีจีนจนเกินเหตุไปหน่อย

แต่พอได้ยินเขารายงานข่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ชักเขวๆ เหมือนกัน…ยังไงๆ ช่วยดูแลให้ดีเพื่อความรอบคอบด้วยนะครับท่านรองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล.

“ซูม”

ข่าว, เศรษฐกิจ, วันเด็ก, วันเด็กแห่งชาติ, วันตรุษจีน, นักท่องเที่ยว, จีน, โควิด-19, ซูมซอกแซก

อย่างที่ผมเขียนเกริ่นไว้ตั้งแต่ฉบับวันเสาร์ที่ผ่านมาแล้วว่า “ตรุษจีน” ปีนี้มาเร็ว และก็เป็นตรุษจีนแห่งความหวัง เพราะคาดว่า การใช้จ่ายทั้งของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนในบ้านเราเอง และนักท่องเที่ยวจีนจากต่างประเทศที่จะทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมาก

พอดีได้อ่านรายงานของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุเป็นตัวเลขอย่างชัดเจนว่า เฉพาะใน กทม.อย่างเดียวเม็ดเงินกระฉูดขึ้นกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการกลับมา “บวก” เป็นปีแรกหลังโควิด-19…ก็ขอนำข้อมูลมาเผยแพร่ต่อในวันนี้

พร้อมกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องอีกหลายข้อมูล ที่จะทำให้เรามั่นใจมากขึ้นไปอีกว่า ตรุษจีนปีนี้น่าจะเป็น “ปีทอง” ของประเทศไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าค่าใช้จ่ายตรุษจีนของคนกรุงเทพฯ ในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 12,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับตรุษจีนปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในรอบ 3 ปี

ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาสินค้าปรับขึ้นไปโดยเฉลี่ย 3.5 เปอร์เซ็นต์ด้วย แต่ประเด็นหลักก็คือจำนวนผู้คนที่จะออกมาใช้จ่ายและท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่แล้วประมาณ 1.5 เปอร์เซ็นต์

แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยก็เตือนว่าเงินค่าใช้จ่ายที่เป็น “อั่งเปา” จะยังไม่สูงนักอาจจะลดลงด้วยซํ้า และหลังจากเทศกาลตรุษจีนแล้วคาดว่า ชาว กทม.จะกลับมาวางแผนการใช้จ่ายอย่างรัดกุมมากขึ้น

SPONSORED

นอกจากนี้ก็ยังมีข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ ที่มาช่วยเติมความมั่นใจว่า ตรุษจีนปีนี้ต้องฉลุยแน่นอน

โดยเฉพาะจากการให้สัมภาษณ์ของท่านผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กิตติพงศ์ กิตติขจร เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา สรุปได้ว่าในช่วงเทศกาลตรุษจีน 13 วันของปีนี้ นับจาก 16-28 มกราคม จะมีผู้โดยสารผ่านสนามบินสุวรรณภูมิกว่า 1.8 ล้านคน หรือเฉลี่ยวันละเกือบ 140,000 คน

ในจำนวนนี้จะเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศถึง 1.3 ล้านคน รวมทั้งขาเข้าและขาออก

แม้ท่านจะไม่ได้แยกให้เห็นชัดจากข่าวที่ผมมีอยู่ในมือว่าเป็นขาเข้ากี่คนและขาออกกี่คน…แต่ก็คาดการณ์ได้ว่า ขาเข้า หรือนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศน่าจะทะลักแน่ๆ

นอกจากนั้นในส่วนของข้อมูลด้านจำนวนเที่ยวบิน…นอกจากจะสูงถึง 10,965 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ยวันละ 843 เที่ยวบิน ทั้งขาเข้าขาออกแล้วก็ยังมีเครื่องบินเช่าเหมาลำพิเศษเข้ามาอีก 10 สายการบิน รวม 86 เที่ยวบิน เกือบทั้งหมดบินมาจากต่างประเทศ

เห็นตัวเลขเห็นข้อมูลจากสนามบินสุวรรณภูมินี้แล้วก็สรุปได้ชัดเจนว่าช่วงตรุษจีนนี้เงินสะพัดประเทศไทยแน่นอน

น่าจะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเราได้อย่างต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้วมาถึงช่วงปีใหม่ วันเด็กแล้วก็ตรุษจีน…เผลอๆจะไปต่อถึงวาเลนไทน์และสงกรานต์ก็เป็นได้

เมื่อช่วง “วันเด็ก” ที่ผ่านมาก็ล้นทะลักเช่นกัน…ทุกสถานที่จัดงานแน่นไปหมด โดยเฉพาะที่ ซาฟารีเวิลด์ สวนสัตว์เปิดระดับโลกของเจ้าสัว ผิน คิ้วคชา มีเด็กๆทะลักไปนับหมื่นคน…เฉพาะที่เข้าไปกรี๊ดเพลง “ทรงอย่างแบด” กับวง เปเปอร์ เพลนส์ อย่างสดๆที่ เวทีปลาโลมา ก็กว่า 5,000 คนเข้าไปแล้ว

ก็ขอให้กำลังใจเศรษฐกิจประเทศไทยให้ “ฉลุย” ต่อไปเรื่อยๆ สวนกระแสโลกอย่างที่หลายๆฝ่ายคาดหวังไว้

แต่ก็อย่าประมาทนะครับ…กระทวงสาธารณสุข ที่เคารพ…อย่าให้เกิดภาวะ “ทุกขลาภ” ขึ้นก็แล้วกัน เพราะการที่นักท่องเที่ยวทะลักเข้ามานั้น นอกจากจะนำเงินเข้ามาใช้จ่ายแล้ว…ก็น่าจะนำเชื้อโควิด-19 เข้ามาบ้างไม่มากก็น้อย

แม้ผมจะไม่มีอคติต่อนักท่องเที่ยวจีนจากแผ่นดินใหญ่ เพราะยังเชื่อว่าข่าวของสำนักข่าวตะวันตกที่บอกว่าจีนเจอปัญหาโควิดแบบติดเยอะเสียชีวิตเยอะ จนเผาแทบไม่ทันนั้น…ดูจะเป็นการป้ายสีจีนจนเกินเหตุไปหน่อย

แต่พอได้ยินเขารายงานข่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ชักเขวๆเหมือนกัน…ยังไงๆช่วยดูแลให้ดีเพื่อความรอบคอบด้วยนะครับท่านรองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล.

“ซูม”