ตามกำหนดการประชุม “APEC 2022” ที่ประเทศไทยเราขันอาสาเป็นเจ้าภาพนั้น…วันนี้ (18 พ.ย.) จะเป็นวันประชุมระดับ “ผู้นำ” แล้วนะครับ ซึ่งจะมีการประชุม 2 วัน ถึงพรุ่งนี้ 19 พ.ย. ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะปิดฉากลง
ผมต้องเขียนต้นฉบับล่วงหน้าไม่สามารถจะคาดเดาได้ว่าผลการประชุมจะลงเอยอย่างไร และมีข้อยุติที่สำคัญอย่างไรบ้าง? รวมทั้งบรรยากาศรอบๆ การประชุมจะเป็นอย่างไร?
ก็ได้แต่ภาวนาขอให้ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ไม่มีใครทำอะไรที่จะนำไปสู่ความเสียหายแก่ชื่อเสียงของประเทศไทยเรา
การประชุมคู่ขนานของกลุ่มเห็นต่างนั้นเป็นเรื่องที่กระทำได้และเท่าที่ผมเคยไปทำข่าวการประชุมระดับโลก 2-3 ครั้งในชีวิตนั้น ผมก็พบว่ามีการประชุมคู่ขนานของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยเกิดขึ้นเสมอ
มองคนละประเด็น เห็นคนละมุม คนละทิศทาง แต่เขาก็ประชุมเงียบๆ ต้านเงียบๆ อาจมีการชูป้ายประท้วงบ้างแต่ก็จะไม่ก่อความวุ่นวาย…และถ้าวุ่นวายผมก็เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศนั้นจัดการไปตามกรอบกติกาที่กฎหมายของประเทศกำหนดไว้
ผมหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นในประเทศไทยของเราด้วยนะครับ
ไม่ว่าผลการประชุม “APEC 2022” จะออกมาอย่างไร จะบรรลุวัตถุประสงค์ตามหัวข้อหลัก “Open Connect Balance” หรือที่แปลกันว่า “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์และเชื่อมโยงสู่สมดุล” หรือไม่?
และนำไปสู่แนวคิด BCG หรือเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวได้อย่างเป็นรูปธรรมในที่สุดหรือไม่?
แต่เท่าที่ติดตามบรรยากาศก่อนประชุม 2-3 วัน ผมค่อนข้างตื่นเต้นและมีความสุขมากครับ
แม้จะยังไม่มีโอกาสนั่งเรือไปตามแม่นํ้าเจ้าพระยาเพื่อดูการแสดงแสงสีเสียงชุด “VIJIT CHAO PHRAYA” ที่จัดไว้ ณ ท่านํ้า 6 แห่ง
ทว่าผมก็ได้เห็นภาพจากข่าวทีวี จากคลิปที่มีการถ่ายเผยแพร่ในยูทูบ ซึ่งเต็มไปด้วยสีสันตระการตามาก…ทำให้ตั้งใจว่าจะต้องหาโอกาสไปดูไปชมสักหนหนึ่ง
ได้ข่าวว่าจะแสดงไปจนถึง 27 พฤศจิกายน ยังมีเวลาอีกหลายวัน
ผมเรียนตรงๆ ว่า ผมชอบบรรยากาศแบบนี้ครับ…บรรยากาศที่คนไทยเราร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานอะไรสักอย่างหนึ่งแล้วงานนั้นๆ ก็ประสบความสำเร็จ ทำให้คนไทยเรามีความสุข มีความสนุกสนานร่วมกัน
ผมไม่แน่ใจว่าเราเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์หรือซีเกมส์มาแล้วกี่หน?
แต่จำได้ว่าทุกครั้งทุกหนเราจะจัดได้อย่างดีเยี่ยม นำความสุขมาสู่คนไทยที่เป็นเจ้าภาพและสู่นักกีฬาที่มาแข่งขัน ตลอดจนกองเชียร์จากประเทศต่างๆ ที่เดินทางมาประเทศไทยในฐานะนักท่องเที่ยวอยู่เสมอๆ
มิใช่แค่เฉพาะกีฬาเท่านั้น เรายังร่วมแรงร่วมใจในการจัดงานต่างๆ เช่น การฉลองกรุงในวาระ 200 ปี งานเฉลิมฉลองวาระสำคัญของในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ฯลฯ
หรืออย่างการประชุม “ไอเอ็มเอฟและธนาคารโลก” ที่เราเคยเป็นเจ้าภาพเมื่อ พ.ศ.2534 จนเป็นต้นกำเนิดของการสร้างศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เราก็จัดได้อย่างดีมากๆ เช่นกัน
การจัดงาน “เอเปก” ทั้ง 2 ครั้งในประเทศไทย ก็ยังอยู่ในความทรงจำทั้งของคนไทยและแขกเหรื่อนานาชาติที่มาร่วมประชุมในยุคโน้น
ที่สำคัญหลังการจัดงานใหญ่ๆ ดังกล่าวแล้วเศรษฐกิจไทยก็มักจะฟื้นตัวขึ้นมาโดยตลอด
แน่นอนละครับชีวิตคนเราก็มีทั้งสุขทั้งทุกข์ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในเรื่องของวัฏจักรเศรษฐกิจก็มีขึ้นมีลงเป็นความจริงคู่โลก และยังไม่มีตำราหรือทฤษฎีใดแก้ได้สำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์แม้จนทุกวันนี้
ดังนั้น เราจึงจำเป็นที่จะต้องจดจำทั้งความสุขและความทุกข์เอาไว้ตลอดไป เพื่อเป็นเครื่องปลอบใจเรามิให้เสียใจมากเกินเมื่อเผชิญความทุกข์ หรือสุขใจจนหลงระเริงเกินเหตุเมื่อมีความสุข
เรามีความทุกข์มาแล้ว 2 ปี จากโรคระบาดและกำลังเริ่มจะกลับมามีความสุขกันอีกครั้ง ซึ่งเมื่อดูจากทิศทางแนวโน้มตลอดจนคำพยากรณ์ของเซียนเศรษฐกิจต่างๆ ความสุขน่าจะกลับมาแน่นอนในเร็วๆ นี้และจะอยู่กับเราอย่างยาวนานพอสมควรในวันข้างหน้า
ผมจึงหวังว่าเราจะช่วยกันเติมเต็ม “ความสุข” ที่กำลังจะกลับมาให้เป็นสุขที่มากยิ่งขึ้น…เริ่มตั้งแต่งานประชุม “เอเปก” ครั้งนี้เป็นต้นไปเลยนะครับ…พร้อมหรือยังครับที่จะไปดูไฟสวยๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างที่ผมเกริ่นชวนไว้.
“ซูม”