ฝนตก+น้ำท่วม (2565) “3 ชั่วโมง” แห่งความทรงจำ

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ฝนมักชอบตกกระหน่ำเข้าใส่ กทม.ในเวลาเย็นๆ ค่ำๆ อยู่เสมอ และ กทม.ของเราก็เช่นเคย เป็นโรคแพ้ฝน…เจอเข้าสักห่าครึ่งห่าเท่านั้นน้ำจะท่วมและรถก็จะติดอย่างมาก…ผมดูเวลาที่เพื่อนนัดแล้วอยากจะ “เบี้ยว” เสียให้รู้แล้วรู้รอดไป

แต่ด้วยเกรงใจพรรคพวกเพื่อนฝูงชุดนี้ที่ไม่ได้เจอกันนานมาก… ผมจึงตัดสินใจยอมเสี่ยง โดยวางแผนกับ “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” (ก็แม่บ้านหรือภรรยาผมนั่นแหละครับ) ซึ่งขันอาสาขับรถให้ว่าเราจะเผื่อเวลาเดินทางไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง

งานซึ่งจะมีการประชุมและรับประทานอาหารควบคู่กันไปจะเริ่ม 6 โมงเย็น เราจะออกจากบ้านที่บางกะปิตั้งแต่ 4 โมงเย็นเลย น่าจะไปถึงงานได้ก่อนเวลาเล็กน้อยด้วยซ้ำ

เราเชื่อว่าฝนคงตกแน่…แต่น่าจะไปตกในช่วงที่เราไปอยู่ใกล้ๆ ประตูน้ำแล้ว จึงน่าจะฝ่าฝนไปถึงโรงแรมใบหยกได้อย่างทันเวลานัดหมาย

ปรากฏว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่เราคาดไว้ (เกือบทุกประการ) เราออกจากบางกะปิ 4 โมง 5 นาที ขึ้นสะพานลอยหน้า รามคำแหง ฉิวไปเข้าพระราม 9 เข้าเพชรบุรีตัดใหม่ แล้วไปจ่ออยู่ตรงทางรถไฟ ซึ่งเป็นทางขึ้นทางด่วนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แถวๆ มักกะสันที่เราเรียกกันว่า ด่านเพชรบุรีประมาณ 5 โมงเย็น

ใช้เวลาจากบ้านแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น

แม้ตอนเราเข้าถนนเพชรบุรีฝนจะเริ่มกระหน่ำแล้ว และน้ำเริ่มท่วมเฉอะแฉะบ้างแล้ว แต่รถราต่างๆ ก็ยังแล่นไหลไปได้ดีพอสมควร

จากทางรถไฟใกล้ทางด่วนเพชรบุรีตัดใหม่ เรามองเห็นตึกใบหยกอยู่ทางขวามือของเราด้วยซ้ำ…เห็นแล้วก็ยิ้มหวานว่า เราน่าจะไปถึงได้ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า หรืออย่างเก่งก็ไม่ควรจะเกินครึ่งชั่วโมง

ที่ไหนได้อีกแผล็บเดียวเท่านั้นฝนก็เทลงมาอีกกะตั้กใหญ่ และรอบๆ ตัวเราก็ดูเหมือนจะมืดไปหมด ในขณะที่ทั้งรถเราและรถคันอื่นรอบๆ ก็ดูเหมือนจะถูกสะกดให้หยุดนิ่งทุกๆ คันยาวนานไปเกือบ 20 นาที

ต่อมารถเริ่มขยับบ้างแต่ก็ช้ามาก ผ่านไปอีก 1 ชั่วโมงเต็มๆ เรายังไปไม่ถึงไหนเลยครับ

ตอนชั่วโมงแรกผ่านไปเราก็เริ่มหงุดหงิดนิดหน่อย แต่เมื่อรู้ว่าหงุดหงิดไปก็เท่านั้น จะทำให้เสียสติเสียเปล่าๆ ผมกับแม่บ้านก็หันมาชวนกันคุยถึงความหลังของบริเวณนี้ เพื่อให้อารมณ์ดีขึ้นในชั่วโมงที่ 2

จำได้ว่าสมัยก่อนเคยมีหอประชุมใหญ่ของ “ไต้หวัน” อยู่แถวๆ นี้ เรียกว่า “ศาลาไคเช็กชน” เคยใช้เป็นที่แต่งงานคนดังๆ หลายคู่…เรายังเคยมาร่วมงานเลย เดี๋ยวนี้ไปอยู่ไหนหนอ?

ตรงโน้นน่าจะเคยเป็นห้าง “เมโทร” นะ มีอยู่ยุคหนึ่งดังมาก เพราะโฆษณาโดนใจมาก ไปไหนไปไหนไปเมโทร! คนก็แห่กันไปจำได้ ว่าห้างอยู่แถวๆ นี้แหละ

แม่บ้านผมพูดถึงโรงภาพยนตร์ “เพชรรามา” ซึ่งเราเคยมาดูหนังไทยโต้รุ่งปีใหม่กันอยู่ปีหนึ่ง ส่วนผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าหน้าโรงหนัง เพชรรามามีตึกแถวอยู่ตึกหนึ่ง และมีสัก 2 ห้องมั้งเป็นที่ตั้งของโรงพิมพ์ “สยามกีฬา” แห่งแรกของเสี่ย ระวิ โหลทอง

พอพูดถึงเสี่ย ระวิ โหลทอง ผมก้มหน้าดูนาฬิกาครบชั่วโมงที่ 2 พอดีเลย ปรากฏว่ารถของเราขยับมาที่ไฟแดงประตูน้ำเรียบร้อย–ไหมล่ะ การคุยถึงความหลังก็ดีอย่างนี้แหละ ทำให้ลืมความน่าเบื่อหน่ายของรถติดไปได้เยอะเลยทีเดียว

จากนั้นอีกแผล็บเดียวเราก็เลี้ยวขวาและไปถึงโรงแรมใบหยกสกาย และขึ้นไปถึงห้องจัดเลี้ยง ซึ่งเป็นห้องประชุมด้วยเมื่อเวลา 1 ทุ่มกับ 20 นาที เลยเวลานัดหมายไป 1 ชั่วโมงกับ 20 นาที

รวมแล้วเราใช้เวลาอยู่บนรถนับตั้งแต่ออกจากบ้าน 3 ชั่วโมงกับ 15 นาที และ 2 ชั่วโมงเต็มๆ นั้นใช้ระหว่างทางขึ้นด่านทางด่วนเพชรบุรีจนถึงสี่แยกประตูน้ำ ซึ่งไม่น่าจะเกิน 2 กิโลเมตรเท่านั้น

แต่ก็ต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่จัดงานเวลา 6 โมงเย็น ที่โรงแรมย่านรถติด ในช่วงเวลาร่องอากาศพาดผ่าน กทม. จนฝนตกหนักระดับ 80 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่…ในครั้งนี้

เพราะประสบการณ์ 3 ชั่วโมง บนรถเก๋งกลางฝนและน้ำครึ่งล้อ ที่พิสูจน์แล้วว่า “ตูทนได้โว้ย” ช่างล้ำค่าเสียจริงๆ เลยทีเดียว.

“ซูม”

ข่าว, น้ำท่วม, กรุงเทพมหานคร, รถติด, ฝนตก, ซูมซอกแซก