ดีใจได้ “โฆษก” คนเก่า ตัวอย่าง “การเมือง” คุณภาพ

เป็นอันว่าชัดเจนพันเปอร์เซ็นต์แล้วนะครับ สำหรับการกลับมาสู่สนามการเมืองของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) เรียบร้อยโรงเรียนไทยไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

มีข่าวว่า คณะกรรมการบริหารพรรคก็ประชุมกันเรียบร้อยเสนอให้ท่านดำรงตำแหน่งประธานพรรค และคงจะตามมาด้วยการเสนอให้ท่านเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามของพรรคในโอกาสต่อไป

ในฐานะคนดูหรือกองเชียร์ขอบสนามที่อยากเห็นคนมีคุณภาพเข้ามาทำงานการเมืองเยอะๆ และได้เขียนแสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้เอาไว้แล้วเมื่อ 2-3 วันก่อน ผมขอใช้โอกาสนี้ปรบมือต้อนรับการตัดสินใจของท่านอีกครั้งหนึ่ง

จากนี้ก็คงรอลุ้นกันต่อไปว่าจะมีบุคลากรคุณภาพของประเทศท่านอื่นใดอีกบ้าง ที่จะสมัครเข้าสู่สนามการเมืองทั้งในพรรคเดียวกับท่านคือพรรค สร้างอนาคตไทย และพรรคอื่นๆ อีกหรือไม่?

ระหว่างที่รอๆ อยู่นี้ ผมก็ถือโอกาสนึกย้อนหลังไปเรื่อยๆ ว่าในบรรดาผู้ที่เข้ามาสู่การเมืองแล้ว และมีผลงานค่อนข้างได้คุณภาพ พร้อมทั้งวางตัวอย่างมีคุณภาพ ประเภทมีความเป็นนักวิชาการนิดๆ นักบริหารหน่อยๆ  พูดจาน่าเชื่อถือน่าฟังนั้น…พอจะมีใครบ้างไหม?

คนแรกเลยผมนึกถึงท่านผู้ปฏิบัติหน้าที่โฆษกรัฐบาลปัจจุบัน คุณอนุชา บูรพชัยศรี ซึ่งดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองอยู่ด้วยนั่นแหละครับ

ท่านสรุปเรื่องยากๆ เป็นเรื่องง่ายๆ ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะเรื่องทางเศรษฐกิจ ซึ่งยากเหลือเกินนั้น ท่านก็สรุปได้อย่างชัดเจน

ผมเป็นแฟนวิทยุของ “คลื่น 100.5 อสมท” ซึ่งตอนเย็นมักจะเชิญโฆษกรัฐบาลบ้าง โฆษกกระทรวงต่างๆ บ้าง หรือไม่ก็คุณหมอที่ปฏิบัติหน้าที่ในการต่อสู้โควิด-19 บ้าง มาคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้เราฟัง

วันไหนที่ท่านโฆษก อนุชา มาสรุป ผมจะรู้สึกว่าได้ความรู้ ได้ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาและวิธีการแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง เป็นกำไรแก่ชีวิตอยู่เสมอๆ

แต่แล้ววันหนึ่งก็มีข่าวว่า ทางพรรคการเมืองที่สนับสนุนรัฐบาลนี่แหละไม่ชอบสไตล์การนำเสนอของท่าน เพราะท่านเอาแต่พูดในแง่หลักการ ในแง่เนื้อหาสาระ จึงขอให้เปลี่ยนตัวโฆษกเป็นคุณ ธนกร วังบุญคงชนะ แทน เพื่อให้มีการตอบโต้ฝ่ายค้านอย่างแสบๆ คันๆ ตาม แบบฉบับการเมืองไทยๆ

ด้วยความเคารพต่อคุณธนกร ซึ่งความจริงก็พูดดี สรุปเรื่องยากเป็นเรื่องง่ายได้ดีพอใช้ แต่เพราะความที่ท่านจะต้องคอยสวนฝ่ายค้านอยู่เรื่อยๆ ทำให้ลืมประเด็นดีๆ ที่มีสาระประโยชน์ไปเสียเยอะ

ผมก็เลยเลิกฟังการแถลงของท่านโฆษกธนกรนับแต่นั้นมา

แต่ผมก็ยังชมบิ๊กตู่อยู่อย่างหนึ่งที่ท่านก็คงทราบดีว่า คุณอนุชามีความรู้ความสามารถระดับไหน นอกจากเก่งภาษาไทยแล้ว ภาษาอังกฤษก็เก่งมาก ผมเคยฟังท่านพูดกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศก็แอบยกนิ้วให้

บิ๊กตู่จึงมิได้แขวนหรือโยนคุณอนุชาไปลงตะกร้าที่ไหน แต่เก็บมาไว้ใช้เป็นรองเลขานุการนายกรัฐมนตรี และหิ้วไปนอกด้วยทุกครั้ง

ในที่สุดเมื่อมีจังหวะท่านก็ตั้งกลับมาใหม่อีกครั้ง…(มีคนบอกว่า เหมือนจะตั้งเตรียมไว้สำหรับการประชุมเอเปกโดยเฉพาะ…ถ้าบิ๊กตู่ได้อยู่ถึงเอเปก…โฆษกรัฐบาลท่านนี้แหละจะพูดภาษาอังกฤษช่วยบิ๊กตู่รับแขกบ้านแขกเมืองได้เป็นอย่างดี)

ผมตระหนักดีว่าความรักความชอบหรือรสนิยมของผมในลักษณะนี้น่าจะเป็นเสียงส่วนน้อยของสังคมไทย…แต่ก็อยากจะเขียนจากประสบการณ์ว่า การที่จะให้ประเทศชาติของเราเดินไปข้างหน้าได้ตลอดนั้น จำเป็นที่การเมืองจะต้องมี “สาระ” ด้วยนะครับ

จะเอาแต่สนุกเอาแต่มัน ไล่ชกไล่ทุบกันเลือดสาดคาสภา เรียกเสียงเฮฮาจากคนดูที่ชอบดูมวยอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้อย่างเดียวไม่ได้หรอกครับ

เพราะรังแต่จะทำให้ประเทศชาติหยุดอยู่กับที่หรือไม่ก็ถอยหลังเข้าคลองเสียเปล่าๆ

ยิ่งมองไปในอนาคต หากนักการเมืองไทยส่วนใหญ่ยังทำตัวไร้สาระ ไปเรื่อยๆเช่นนี้ โอกาสถอยหลังเข้าคลองก็จะมากยิ่งขึ้น

เป็นเหตุให้ผมต้องออกมาตะโกนเรียกหาคนมีคุณภาพให้ตัดสินใจเดินออกมาสู่สนามการเมืองให้เยอะขึ้นด้วยเหตุนี้แหละครับ.

“ซูม”

ข่าว, การเมือง, ธนกร วังบุญคงชนะ, คุณอนุชา บูรพชัยศรี, ซูมซอกแซก