หน้าที่ “รัฐบาล” หลังสอบผ่าน รีบ “เช็ดเลือด” + “ทำงาน” ทันที

เป็นอันว่าเรียบร้อยโรงเรียนรัฐบาลไปตามที่คาดหมายไว้ เมื่อ “บิ๊กตู่” กับคณะรัฐมนตรีที่โดนฝ่ายค้านเข้าชื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจอีก 10 ท่าน สามารถสอบผ่านได้อย่างฉลุยครบถ้วนทุกคน

คะแนนสูงบ้าง ต่ำบ้าง อย่าไปคิดอะไรมาก เพราะ “สอบผ่าน” ก็คือ “สอบผ่าน” เมื่อไม่มีใครได้รับคะแนนไม่ไว้วางใจถึง 239 เสียง ก็ถือว่าภารกิจของฝ่ายรัฐบาลสำเร็จ

แต่ก็แน่ละเนื่องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในยุคหลังๆ มักจะใช้วิธีเล่นงานกันรุนแรงทั้งลายลักษณ์อักษร และถ้อยคำที่ใช้อภิปราย อาจจะทำให้ผู้ถูกอภิปรายรู้สึกเจ็บปวดไม่มากก็น้อย

ผมก็ขอให้ทุกๆ ท่านที่ถูกอภิปรายโปรดทำใจ…คิดเสียว่านี่คือค่าใช้จ่ายสำหรับการเป็นรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างๆ

ไม่เคยมีรัฐบาลไหนที่บริหารประเทศไปสักพักแล้วจะไม่โดนด่า…แม้แต่รัฐบาลที่ต่อมาภายหลังได้รับเสียงชมทั้งประเทศอย่างรัฐบาล “ป๋าเปรม” พอย่างเข้าปีที่ 5 ที่ 6 ก็เริ่มโดนทันที

เมื่อความจริงของระบอบการเมืองของบ้านเราเป็นอย่างนี้ ใครมาเป็นนักการเมืองมาบริหารบ้านเมืองก็คงต้องยอมรับและพยายามข่มจิตข่มใจ ถือเสียว่าต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่

รัฐบาลมีหน้าที่ทำงานก็มุ่งหน้าทำกันไป ฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบก็ตรวจสอบกันไป หนักบ้างเบาบ้าง จะต้องไม่เก็บมาคิดให้รกสมอง

นี่คือส่วนดีของระบอบประชาธิปไตย ต้องมีการตรวจสอบและมีการถ่วงดุลอำนาจควบคู่ไปด้วย

หากรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายท่านใดจะรู้สึกเจ็บปวดหรือรู้สึกว่าการอภิปรายรุนแรงเกินไป ผมก็ฝากให้รีบสลัดความเจ็บปวดออกไปให้เร็วที่สุด แล้วลงมือทำงานต่อทันที

ประเทศไทยเราในยามนี้มี “งาน” ที่จำเป็น มีปัญหาที่หนักหนาสาหัสรอให้แก้ไขอยู่เป็นอันมาก หากท่านสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ ท่านก็จะเป็นฝ่ายชนะใจประชาชนในที่สุด

ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจสักวันหรือ 2 วัน ถ้าจำไม่ผิดท่านเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่ง “บิ๊กตู่” เป็นประธานด้วยตนเอง ได้มีมติให้ตั้งกรรมการเฉพาะกิจขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อบริหารสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้

รวมทั้งให้มีคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจ เพื่อบริหารสถานการณ์และกำหนดมาตรการที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขทั้งปัญหาเฉพาะหน้าแบบเร่งด่วน และปัญหาในระยะยาว

ท่านเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติสรุปว่า กรรมการเฉพาะกิจชุดใหญ่จะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานด้วยตัวเอง มีรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ปลัดกระทรวงด้านเศรษฐกิจ และหน่วยงานที่มีหน้าที่ด้านเศรษฐกิจ เช่น สภาพัฒน์, สำนักงบประมาณ, ธนาคารแห่งประเทศไทย ตลอดจนภาค เอกชน ฯลฯ เข้ามาเป็นกรรมการในแบบบูรณาการอย่างครบถ้วน

ส่วนคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจนั้น จะมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานคณะทำงาน และผู้แทนหน่วยงานด้านเศรษฐกิจเข้ามาเป็นคณะทำงาน

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะมีกรรมการชุดนี้ และเมื่อ 2 ปีก่อนช่วงที่บิ๊กตู่เดินสายขอความเห็นสื่อมวลชนทุกฉบับ รวมทั้งมาที่ไทยรัฐด้วยพวกเราก็เสนอให้ท่านตั้งคณะกรรมการในรูปแบบเช่นนี้ขึ้น

“บิ๊กตู่” ซึ่งถือสมุดมาด้วยจดยิกๆ บอกว่าจะรับข้อเสนอแนะไปดำเนินการและก็ดำเนินการจริงๆ ตั้งกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมาแล้ว แต่เผอิญเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ รัฐบาลต้องไปทุ่มเทในการแก้ปัญหาโควิด-19 อีกหน ไม่ได้ประชุมกรรมการที่ว่าอีกเลย

มาคราวนี้ แม่งานใหญ่มาทางสาย สมช.และกระทรวงการคลัง ก็คงต้องดูต่อไปว่าจะทำงานได้ดีแค่ไหน?

แต่ก็เอาเถอะ ขอให้ลองทำงานดูก่อนและทำให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุด เพราะปัญหาเศรษฐกิจขณะนี้เป็นที่ทราบกันแล้วว่าใหญ่หลวงมาก จะต้องระดมสมองระดมสติปัญญาแก้ไขอย่างเร่งด่วน

นี่แหละที่ผมพาดหัวไว้ว่า หากรัฐบาลหรือรัฐมนตรีท่านไหน จะยังรู้สึกเจ็บปวดจากการถูกกรีดโดยฝ่ายค้าน จนถึงขั้นเลือดตกยางออก ก็ให้รีบเช็ดเลือดเสีย แล้วไปตั้งหน้าตั้งตาทำงานโดยเร็วที่สุด

หากท่านทำงานสำเร็จ โดยเฉพาะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ในเวลาประมาณ 1 ปี ที่อายุความยังเหลือ ผมว่าประชาชนจะเลือกนักการเมืองในพรรครัฐบาลชุดนี้กลับมาอย่างแน่นอน.

“ซูม”

ข่าว, รัฐบาล, อภิปราย, ไม่ไว้วางใจ, นายก, ซูมซอกแซก