ได้เวลาชี้แจง “งบประมาณ 2566” “ฝันร้าย” ที่ราชการไทย “ผวา”

และแล้วร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วงเงินประมาณ 3.185 ล้านล้านบาท วาระแรกก็ผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปอย่าง “ฉลุย” ตามสำนวนพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ

โดยมีเสียงสนับสนุนหรือเห็นด้วยถึง 278 เสียง ไม่เห็นด้วยแค่ 194 เสียง และงดออกเสียงไป 2 เสียง ซึ่งในจำนวนคะแนนเสียงที่ไปโป่งเพิ่มให้การสนับสนุนรัฐบาลนั้น ชัดเจนว่ามาจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย 7 เสียง พรรคก้าวไกล 4 เสียง และพรรคเล็กอีก 1 เสียง

เป็นไปตามประเพณีแต่โบราณนานมาของการเมืองไทย ที่มักจะเกิดเหตุการณ์แปรพักตร์กลางคันหรือพฤติกรรม “งูเห่า” ขึ้นเสมอๆ

พรรคฝ่ายค้านที่พลาดท่าเสียที เพราะจู่ๆสมาชิกกลายร่างจากคนไปเป็นงู (แบบหนังเขมรเรื่อง งูเก็งก็อง สมัยก่อน) จะจัดการกับลูกพรรคของตนอย่างไร คงจะต้องติดตามข่าวคราวกันต่อไป

แต่ ณ นาทีนี้ ถือว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2566 ที่มีการโหมโรงตีปี๊บว่าจะมีการอภิปรายดุเดือดเลือดพล่านนั้น ได้จบลงเรียบร้อยโรงเรียนประยุทธ์ คือรัฐบาลเป็นฝ่ายชนะขาดลอย

นั่นก็แปลว่า จะต้องมีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อไปพิจารณาในรายละเอียดที่เรียกกันว่า แปรญัตติ เพื่อเสนอกลับมาให้สภาผู้แทนพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ต่อไป

ซึ่งที่ประชุมสภาฯก็รวดเร็วทันใจแต่งตั้งคณะกรรมาธิการขึ้น 72 คน แบ่งโควตาไปตามสัดส่วนของคณะรัฐมนตรีกับพรรคการเมืองต่างๆ ได้รายชื่อออกมาเรียบร้อยเช่นกัน

พร้อมกับกำหนดว่า ให้เวลาแปรญัตติรวม 30 วัน และให้เริ่มประชุมวันแรกจันทร์ที่ 6 มิถุนายนนี้ เป็นต้นไป

หวังว่าบรรดาข้าราชการประจำในสังกัดกระทรวงทบวงกรมต่างๆ ซึ่งคงจะตั้งมั่นรอคอยอยู่แล้วจะสามารถไปชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณของแต่ละหน่วยงาน โดยไม่ขาดตกบกพร่อง

ในอดีตที่ผ่านมา ช่วงเวลาพิจารณารายละเอียดของงบประมาณที่เรียกกันว่า “แปรญัตติ” นี้ ถือเป็นช่วงแห่งการ “ฝันร้าย” ของข้าราชการประจำทั้งหลาย

เพราะจะต้องมาชี้แจงรายละเอียด และมาปกป้องงบประมาณที่แต่ละหน่วยกรรมาธิการที่สื่อบางสำนักเรียกว่า “อรหันต์” ซึ่งครั้งนี้มีถึง 72 อรหันต์

ไม่เพียงแต่ซักถามเท่านั้นก่อนพิจารณารายกระทรวงหรือรายกรมใหญ่ๆ บ่อยครั้งอาจต้องมีการ “สนทนาธรรม” การพูดถึงหน้าที่การปฏิบัติผลงานตลอดจนอุปสรรคและปัญหาของหน่วยงานกันเสียก่อน

ซึ่งก็มักจะเป็นโอกาสให้ท่านกรรมาธิการบางท่านที่อาจมีอะไรๆ ติดค้างอยู่กับหน่วยงานนั้นๆ เทศนากัณฑ์ใหญ่ใส่หน่วยงานชนิดที่ว่าเทศน์มหาชาติยาว 13 กัณฑ์ เลยทีเดียว

“อรหันต์” หรือกรรมาธิการที่ฝ่ายข้าราชการยุคก่อนกลัวเกรงมาก แค่ได้ยินชื่อก็ขวัญหนีดีฝ่อไปตามๆกัน ก็เช่นท่านอาจารย์ใหญ่ บุญชู โรจนเสถียร, ปู่ชัย ชิดชอบ ฯลฯ เป็นต้น

มีอยู่ท่านหนึ่งโด่งดังและเป็นที่เกรงขามของท่านปลัดกระทรวงท่านอธิบดีกรมต่างๆอย่างยิ่ง ได้แก่ ท่าน ปาน พึ่งสุจริต กรรมาธิการร่างเล็กแต่เสียงดังฟังชัด แถมความจำดีมากจำได้หมดว่าปีก่อนๆ ท่านปลัด ท่านอธิบดี มาพูดอะไรไว้บ้าง…พูดแล้วไม่ทำตามในข้อไหนบ้าง

อย่างไรก็ตาม แม้บรรยากาศการ “สนทนาธรรม” จะดุเดือดพอสมควร รวมไปถึงบรรยากาศช่วงอภิปรายรายมาตรา ซึ่งก็หนักหน่วงไม่น้อย แต่ลงท้ายก็มักจะจบลงด้วยดี เมื่อฝ่ายราชการยอมถอยให้บ้าง หรือในบางเรื่องรัฐบาลสั่งมาว่าถอยไม่ได้ บรรดาอรหันต์ซีกรัฐบาลซึ่งมีมากกว่าก็จะเสนอให้มีการโหวตบ้าง ฝ่ายค้านก็จะเป็นฝ่ายถอยเสียเอง

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องเล่าในอดีต ปัจจุบันอาจจะเปลี่ยนไปไม่มีสถานการณ์หรือเหตุการณ์เช่นนี้แล้วก็ได้ หวังว่ากาลเวลาผ่านไปนานแล้วทุกสิ่งทุกอย่างคงเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น…การอภิปราย การซักถามต่างๆ คงจะเป็นการ “สนทนาธรรม” โดยแท้จริง มิใช่เป็นการดุด่าว่ากล่าวฝ่ายราชการข้างเดียวอย่างในอดีตกาล

สำหรับข้าราชการประจำ ระดับหัวหน้าหน่วยงาน เช่น ท่านปลัด ท่านเลขาธิการ ท่านอธิบดี ฯลฯ ก็ขอให้ใช้ความอดทนอดกลั้นเจอคำถามหรือคำอภิปรายรุนแรงก็ขอให้โปรดสงบใจ สงบอารมณ์ ให้แน่นิ่งเอาไว้

ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในอดีตเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาแค่อยาก บ่นอยากด่าเราบ้างเท่านั้นเอง ก็ปล่อยให้ด่าไป…นิ่งๆไว้ ชี้แจงเท่าที่ควรชี้แจง ไม่ตอบโต้ ไม่ท้าทาย ไม่เปิดประเด็นใหม่เดี๋ยวเขาก็ผ่านให้

ขอให้โชคดีนะครับข้าราชการทั้งหลายที่จะเข้าชี้แจงรายละเอียดงบประมาณปี 2566 แก่ 72 อรหันต์ที่จะเริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่วันนี้.

“ซูม”

ข่าว, พิจารณา, งบประมาณ, 2566, ราชการ, ไทย, ซูมซอกแซก