ได้เวลา “Back to School”

ที่พระภิกษุทั้งหลายท่านเทศนาโปรดพวกเรามาตลอดว่า “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” นั้น…กำลังจะเกิดขึ้นแก่ประเทศไทยของเราแล้วครับ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะค่อยๆ ผ่านไป

แม้คำว่า “เดี๋ยว” ในครั้งนี้จะยาวนานกว่า “เดี๋ยว” ตามปกติทั่วไปอยู่สักหน่อย แต่ในที่สุด “มัน” ก็จะผ่านไปจนได้

ผมหมายถึง 2 ปีเต็มๆ ที่เราต้องเผชิญกับความทุกข์ยากสารพัดสารพันจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 นั่นแหละครับ ที่กำลังจะค่อยๆ ผ่านไปทีละนิด…ทีละนิด…ณ บัดนี้

ประเทศไทยเริ่มเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยว ในขณะที่กฎกติกาความเข้มงวดด้านสาธารณสุขก็เริ่มคลี่คลาย และเริ่มมีข่าวว่าอาจมีการทดลองซักซ้อมในบางจุดของประเทศ เพื่อเตรียมการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น

แต่ที่แน่ๆ พรุ่งนี้ (17 พฤษภาคม) จะเป็นวัน “เปิดเทอมใหม่” 2565 แล้วครับ…นักเรียนทั่วประเทศจะกลับคืนสู่ห้องเรียนอีกครั้ง…หลังจากที่ต้องปิดโรงเรียน หันมาใช้วิธีการเรียนการสอนทาง “ออนไลน์” อย่างน้อยก็ปีครึ่งในห้วงเวลาที่ผ่านมา

ก่อให้เกิดผลเสียแก่เด็กไทยที่เรียกว่า “ภาวะการถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss)” อย่างใหญ่หลวง เพราะการเรียนหรือการสอนทางไกลนั้น อย่างไรเสียก็สู้การไปนั่งเรียนในชั้นเรียนอย่างใกล้ชิดกับคุณครูไม่ได้อย่างแน่นอน

ซึ่งจากการประเมินผลของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานพบว่า การเรียนการสอนทาง “ออนไลน์” ที่ผ่านมานั้นทำให้เด็กๆ ชั้นประถม 1-6 มีภาวะถดถอยทางการเรียนด้าน “ทักษะการอ่าน” และ “คณิตศาสตร์” อย่างเห็นได้ชัด

นอกจากนี้ คุณลักษณะของเด็กนักเรียนก็เปลี่ยนไป เช่น ไม่กล้าตอบคำถาม ไม่อยากพูดคุย และไม่อยากมีส่วนร่วมในการเรียนรู้…เป็นต้น

ส่วนชั้น ม.1 ถึง ม.6 นั้นก็เกิดภาวะการถดถอยทางการเรียนรู้ด้านทักษะทางวิทยาศาสตร์ทักษะการปฏิบัติ เจตคติต่อการเรียน และวิชาที่เรียน ตลอดจนมีสภาวะทางอารมณ์และความรู้สึก เช่น เครียด กังวลใจ รวมไปถึงการมีสัมพันธภาพกับคนอื่นๆ ก็พลอยลดลงไปด้วย

แต่ผมก็เข้าใจดีว่า ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เหนือคาดหมาย เป็นเรื่องร้ายแรงของโลก ซึ่งทุกประเทศในโลกต่างก็เจอเหมือนกันหมด…และก็จะเป็นเรื่องชั่วคราวเท่านั้น

คุณภาพการเรียนการรับรู้ของเด็กจะถดถอยไปบ้างก็ต้องยอมรับและไปหาทางแก้ไขปรับปรุงเมื่อทุกอย่างสงบลงแล้ว

เหมือนอย่างในภาวะ “สงครามโลก” เมื่อ 70 กว่าปีที่ผ่านมา ประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพฯ โดนทิ้งระเบิดต้องปิดโรงเรียน ต้องย้ายนักเรียนไปเรียนต่างจังหวัด มีปัญหาเรื่องขาดครู ขาดอุปกรณ์การเรียน…เด็กๆเรียนไม่เต็มที่ ฯลฯ

แต่พอสงครามยุติก็กลับมาตั้งหลักใหม่…แผล็บเดียวความรู้ของเด็กๆก็กลับคืน…ผมเคยอ่านเรื่องราวของเด็กนักเรียนที่เจอพิษสงครามโดนย้ายไปโน่นนี่หลายๆ คน ซึ่งในที่สุดก็กลับมาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียง เป็นกำลังสำคัญของประเทศทั้งสิ้น

ดังนั้น เมื่อการศึกษาของเรางวดนี้จะหย่อนไปเพราะ “สงครามโรค” (โควิด-19) ผมก็เชื่อในความสามารถของกระทรวงศึกษาธิการและของคุณครูทั้งหลายที่จะช่วยกันติว ช่วยกันเติม ช่วยกันสอนให้เด็กๆ ของเราที่ความรู้และทัศนคติบางประการถดถอยลงไปนั้น…กลับมาสู่ความเป็นปกติหรือดีขึ้นไปอีกในเวลาอันไม่นานนักได้เช่นกัน

แม้การเปิดเทอมวันนี้จะยังไม่ถึงขั้น “เต็มร้อย” เพราะยังต้องมีกฎเกณฑ์ มีความระมัดระวังตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอีกหลายข้อ รวมทั้งก็ยังเปิดโอกาสด้วยว่า หากโรงเรียนไหนไม่พร้อมก็สามารถจะใช้วิธีการสอนทางออนไลน์ต่อไปได้

แต่เท่าที่ติดตามข่าวก็ดูเหมือนว่า โรงเรียนส่วนใหญ่ต่างก็พร้อมใจที่จะเปิดและพร้อมที่จะแก้ปัญหาแบบวันต่อวัน

ก็ขอต้อนรับการกลับสู่โรงเรียนหรือ Back to school ในวันพรุ่งนี้นะครับ และขอให้กำลังใจคุณครูทุกท่านตลอดจนเด็กๆ ทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะครู “ตรีนุช เทียนทอง” ขอให้สู้เต็มที่––ที่นี่เอาใจช่วย 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้วครับครู.

“ซูม”

ข่าว,​โรงเรียน, เปิดเทอม, โควิด 19, สงครามโรค, ออนไลน์, ซูมซอกแซก