เติมพลัง “หัวใจ” เรียบร้อย กลับมาสู้ “ศึกหนัก” ต่อไป

ได้เวลากลับมาทำงานกันแล้วนะครับวันนี้ ซึ่งตรงกับวันจันทร์ที่ 18 เมษายน หลังจากที่รัฐบาลประกาศหยุดให้ 3 วัน ระหว่าง 13-14-15 เมษายน แถมด้วยเสาร์อาทิตย์อีก 2 รวมเป็น 5 วัน ถือว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอสมควร

หวังว่าท่านผู้อ่านทั้งหลายคงจะชาร์จแบตเตอรี่กันมาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่จากการท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจก็ดี หรือแบตเตอรี่จากการได้กลับไปอยู่กับครอบครัว และญาติสนิทมิตรสหายก็ดี

เพื่อที่จะกลับมาเผชิญหน้ากับงานหนักและปัญหาต่างๆ ที่รอเราอยู่ด้วยความเข้มแข็งและด้วยกำลังใจอันเปี่ยมล้นที่ได้รับมาจากการอัดฉีดทั้ง 2 ประการที่ว่า

ปัญหาแรกที่ลุ้นกันมากก็คือ ตัวเลข “โควิด-19” ที่คุณหมอทั้งหลายคาดว่า ผลจากการท่องเที่ยวเดินทาง และจากกิจกรรมต่างๆ ในช่วงเทศกาล น่าจะทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย

ส่วนใหญ่คาดว่าจะมากครับ…ซึ่งผมก็ภาวนาขอให้คาดผิดด้วยเถิด เพราะพี่น้องประชาชนที่ออกเดินทางท่องเที่ยวต่างได้ยินได้ฟังคำขู่มาตลอด 2-3 สัปดาห์ก่อนสงกรานต์…ท่านคงจะช่วยกันระมัดระวังตัวเป็นอย่างดียิ่ง

ประกอบกับเท่าที่อ่านข่าวคราวก็พบว่า ผู้ที่ไม่เชื่อฟังหรือชอบแหกกฎ เขาห้ามทำโน่นนี่มักจะทำสวนทางอยู่ตลอดนั้น ปรากฏว่าคราวนี้มีไม่มากนัก

มีการฝ่าฝืนจะเล่นฉีดน้ำบ้าง ประแป้งบ้าง หรืออุโมงค์น้ำบ้าง แต่เอาเข้าจริงๆ ก็มีนิดๆ หน่อยๆ เมื่อทางราชการส่งตำรวจไปดูแลก็เลิกรากันไป แม้ในเมืองท่องเที่ยวก็มิได้ดื้อดึง

ผมก็หวังว่า ความร่วมแรงร่วมใจของพี่น้องประชาชนในครั้งนี้จะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ไม่พุ่งจนเราต้องกลับมาใช้มาตรการที่เข้มงวดหรือรุนแรงกันอีกครั้งหนึ่ง

เพราะถ้าต้องทำเช่นนั้น จะเป็นเรื่องเสียดายมาก และจะเป็นการสวนกระแสโลก ซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่ตัวเลขการติดเชื้อใหม่เริ่มลดลง

แม้แต่เพื่อนบ้านเราอย่างเวียดนาม มาเลเซีย ก็ลดลงมาก อินโดนีเซีย กับฟิลิปปินส์ ยิ่งสบายใจใหญ่ ยอดติดเชื้อลดเหลือเป็นหลักพันมาหลายวันแล้ว

ผมถึงได้เป็นห่วงว่า ถ้าของเรากลับจะเพิ่มขึ้นเพียงประเทศเดียวในอาเซียน ก็จะเป็นการสวนกระแสคนอื่นๆ และจะเป็นเหตุให้เราแก้ปัญหาเศรษฐกิจเพื่อให้ฟื้นตัวขึ้นช้ากว่าประเทศอื่นๆ ไปเสียเปล่าๆ

แต่ถึงแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ของเราจะไม่เพิ่มก็ตาม…ก็ต้องยอมรับว่า การฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยเราจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นัก

ตราบใดที่เรายังคงต้องพึ่งพาการท่องเที่ยว ซึ่งเคยเป็นรายได้ก้อนใหญ่ของเราในอดีต และยังหวังว่าจะเป็นรายได้ก้อนใหญ่ต่อไป

เพราะนอกจากความถดถอยของเศรษฐกิจทั่วโลกอันเป็นผลจากโรคระบาดแล้ว การเกิดขึ้นของสงครามรัสเซีย-ยูเครนซึ่งเป็นผลให้มีการคว่ำบาตรรัสเซียทางเศรษฐกิจตามมานั้น ยิ่งเท่ากับเป็นการทำให้ปัญหาเศรษฐกิจยุ่งยากขึ้นไปอีก

อย่างไม่มีสงครามเลยที่สหรัฐฯ ก็เกิดภาวะเงินเฟ้อสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่แล้ว…พอมีสงครามมาช่วยแถมทำให้น้ำมันขาดแคลนและราคาสูงขึ้น ตลอดจนราคาวัตถุดิบในการผลิตต่างๆ ก็พลอยพุ่งขึ้นไปด้วย…เท่ากับเป็นการซ้ำเติมปัญหาเงินเฟ้อให้รุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า

มองออกไปข้างหน้าแล้วก็มีแต่ความน่ากังวล น่าห่วงใยในระดับโลกและย่อมมีผลกระทบมาถึงเราอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

จะหวังให้นักท่องเที่ยวมาล้นทะลักแบบเก่าคงยากที่จะเป็นเช่นนั้นอีก จำเป็นจะต้องหันไปใช้เครื่องจักร เครื่องมือทางเศรษฐกิจใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเราจะมี

แต่ก็เอาเถอะครับ…จะยากลำบากแค่ไหนก็ต้องสู้กันอีกยก…ผมขอเอาใจช่วยทุกๆ ภาคส่วนของประเทศไทย ไม่ว่าภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆขอให้เราเดินหน้าต่อไป

ประสา “เล่าฮู” ผู้อาวุโสกำลังภายในแทบไม่เหลือแล้ว ผมก็คงทำได้เพียงส่งเสียงเชียร์อยู่ตรงนี้เท่านั้น

ก็ขอถือโอกาสต้อนรับการกลับเข้าสู่การทำงานวันนี้อีกครั้งหนึ่งและหวังว่าความสุขและกำลังใจจากการได้พักผ่อนตลอดจนการกลับไปเยี่ยมครอบครัว จะทำให้คนไทยทุกคนมีความเข้มแข็งสามารถผ่านปี “เสือดุ” ที่ดุจริงๆ เสียด้วยปีนี้ไปได้ในที่สุดนะครับ.

“ซูม”

ข่าว, สงกรานต์, เศรษฐกิจ, โควิด-19, สงคราม, ซูมซอกแซก