คำสอน “วันมาฆบูชา” มีมากกว่าเรื่อง “ความรัก”

วันนี้ (พุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565) ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 เป็น “วันมาฆบูชา”…วันสำคัญยิ่งอีกวันหนึ่งของพุทธศาสนิกชน

วันมาฆบูชา ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันเพ็ญเดือน 3 ภายหลังพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วเป็นเวลา 9 เดือน หรือ 45 ปีก่อนพุทธศักราช ณ วัดเวฬุวันมหาวิหาร ใกล้ๆ กรุงราชคฤห์ แห่งแคว้นมคธ

เป็นวันที่พระภิกษุจำนวนทั้งสิ้น 1,250 องค์ เดินทางมาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย และพระภิกษุเหล่านั้นล้วนเป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้นอีกทั้งยังเป็นพระภิกษุที่พระพุทธเจ้าบวชให้ด้วยพระองค์เอง ครบถ้วนทุกองค์

ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือเป็นวันที่ทรงแสดง พระโอวาทปาติโมกข์ อันเป็นหลักคำสอนสำคัญที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะ หลักที่ว่า…จงละการทำชั่ว จงกระทำแต่ความดี และ การทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส นั้นก็อยู่ในพระโอวาทปาติโมกข์นี่เอง

แม้ในคำสอนส่วนอื่นๆ ของพระโอวาทปาติโมกข์จะเปรียบเสมือนคำสอนที่พระพุทธองค์ทรงมอบให้แก่ภิกษุสงฆ์ที่มาชุมนุม เพื่อเป็นกฎกติกาในการประพฤติปฏิบัติตนของสงฆ์ และเพื่อให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นที่เลื่อมใสของประชาชนต่างๆ เสียเป็นส่วนมาก

แต่พวกเราเหล่าสาธุชนก็สามารถนำมาปฏิบัติตามได้ในหลายๆ ข้อ และเมื่อปฏิบัติแล้วก็จะเป็นมงคลและเป็นคุณแก่ตัวเราเองในที่สุด

จากความสำคัญของวันมาฆบูชาดังกล่าว จึงได้มีการกำหนดให้วันนี้เป็นวันหยุดราชการ และให้มีการทำบุญตักบาตร หรือมีการเวียนเทียนตามวัดวาอารามต่างๆ มาโดยตลอด

แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่โรคระบาดโควิด-19 ยังไม่คลี่คลายลง และยังมีความจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังการแพร่เชื้อโรค วัดส่วนใหญ่จึงมิได้มีการจัดกิจกรรมอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

โดยเฉพาะการเวียนเทียนหรือการทำบุญตักบาตรหลายๆ วัดอาจจะงดไปบ้าง เพื่อให้ความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข

แต่เพื่อเป็นการรำลึกถึงวันอันสำคัญยิ่งของพุทธศาสนาในวันนี้ หากเราจะหันมาใช้วิธีสวดมนต์ภาวนาในบ้านตนเอง หรือหันมาใช้วิธีทางออนไลน์ต่างๆ ก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่นิยมกันอยู่ในปัจจุบัน

มีข้อสังเกตประการหนึ่งก็คือ เนื่องจากวันมาฆบูชา ซึ่งเป็นวันเพ็ญเดือน 3 นั้น ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงของเดือนกุมภาพันธ์ และในบางปีก็ใกล้เคียง หรือตรงกับ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็น “วันวาเลนไทน์” หรือวันแห่งความรัก เสียด้วยซ้ำ (เช่นปี 2557 เป็นต้น)

หรืออย่างปีนี้ 16 กุมภาพันธ์ ก็ห่างจากวันวาเลนไทน์เพียง 2 วันเท่านั้น…จึงเป็นเหตุสำคัญที่มีการนำวันมาฆบูชาไปเปรียบเทียบกับ “วันแห่งความรัก” กันอยู่เสมอ

เช่นมีการพูดถึงว่า “วันมาฆบูชา” เป็น “วันแห่งความรัก” ของพุทธศาสนาบ้าง “วันแห่งความรัก” แบบไทยๆ อันเป็นรักบริสุทธิ์ผุดผ่องบ้าง

พระภิกษุสงฆ์ผู้ใหญ่หลายๆรูป หรือนักเขียนนักคิดจำนวนมาก ต่างก็มีการเทศนา หรือเขียนไปในทำนองที่ว่า วันมาฆบูชาเป็นวันแห่งความรักของพวกเราชาวพุทธ

เข้าใจว่าเป็นเพราะอิทธิพลของ “วันวาเลนไทน์” หรือ “วันแห่งความรัก” ตามธรรมเนียมตะวันตก ที่หนุ่มสาวไทยนำมาปฏิบัติไม่ครบถ้วน เพราะไปเน้นแต่ความรักในด้านชู้สาว ไม่เน้นความรักด้านอื่นๆ… ดังที่เคยเขียนไว้แล้ว

จึงได้มีการหยิบยก “วันมาฆบูชา” ขึ้นมารณรงค์เพื่อชี้ให้เห็นถึงความรักอันบริสุทธิ์ ความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ความรักที่ประกอบด้วยความเมตตา กรุณา ตามหลักแห่งพระพุทธศาสนา ที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศไว้เป็นหลักธรรมในโอวาทปาฏิโมกข์ดังกล่าว

ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี ทำให้เยาวชนไทยที่ไม่ค่อยสนใจธรรมะหันมาสนใจมากขึ้น จากคำสั่งสอนและคำเทศนา ว่าด้วย “วันมาฆบูชา” ในฐานะ “วันแห่งความรัก” แบบไทยๆในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา

คอลัมน์นี้เห็นด้วยทุกประการนะครับ และขอร่วมรณรงค์ด้วยอีกแรงหนึ่ง เพียงแค่ขอให้คนไทยตระหนักเท่านั้น ว่า “วันมาฆบูชา” เป็นวันที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด อยู่ในตัวเองมานานแล้ว และเป็นวันที่ยิ่งใหญ่กว่า “วันแห่งความรัก” ของฝรั่งหลายเท่า

ด้วยพระธรรมคำสอนอันเป็นอมตะที่พระพุทธองค์ทรงมอบไว้แก่โลกนี้ “ไม่กระทำความชั่ว กระทำแต่ความดี และทำใจให้บริสุทธิ์” ตามพระโอวาทปาฏิโมกข์นั่นแหละครับ.

“ซูม”

ข่าว, วันมาฆบูชา, พุทธศาสนา, วันเพ็ญ, ซูมซอกแซก