บันทึกวันกลับสู่ “หลักหมื่น” แม้ “หวั่นไหว” แต่ “ใจ” ยังสู้

ผมจะเดินทางไปร่วมในพิธีรับมอบโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 110 (บ้านชมภูพาน) ตำบลสร้างค้อ อำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร ในวันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ กับคณะของมูลนิธิไทยรัฐ ดูสถานการณ์แล้วไม่มีเวลาว่างพอที่จะนั่งเขียนต้นฉบับส่งมาจากที่โน่นได้เลย

คงต้องใช้วิธีเขียนต้นฉบับทิ้งไว้ล่วงหน้าวัน 2 วัน อีกเช่นเคย

อย่างเช่นข้อเขียนวันนี้ ซึ่งจะลงตีพิมพ์ในไทยรัฐฉบับประจำวันอังคารที่ 8 ก.พ.นั้น ผมนั่งเขียนในช่วงบ่ายๆของวันเสาร์ที่ 5 ก.พ. ดังนั้น ตัวเลขข้อมูลตลอดจนบรรยากาศต่างๆ จึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เช้าวันเสาร์ดังกล่าวเป็นต้นมา จนถึงเวลาที่เริ่มต้นเขียน

ข่าวใหญ่คือข่าว “เจ๊ติ๋ม” ทีวีพูล แตกหักกับ “ทิดสมปอง” ซึ่งผมยังไม่มีเวลาที่จะอ่านข่าวนี้ แต่ก็ตั้งใจไว้ว่าจะพยายามอ่านในภายหลัง เพราะโดยส่วนตัวผมสนิทชิดเชื้อกับเจ๊ติ๋มพอสมควร ในฐานะคนที่อยู่ในวงการสื่อด้วยกัน

มีอะไรเกิดขึ้นกับคนที่เรารู้จักสนิทสนมก็อยากจะรู้ไว้บ้าง

อีกข่าวที่เป็นข่าวใหญ่มากประจำวันนี้ (ย้ำอีกทีว่าวันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์) ก็คือรายงานของกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ประจำวันว่ากลับมาทะลุ “หลักหมื่น” อีกครั้ง

ผมคงต้องเขียนถึงข่าวนี้แหละครับ เพราะพรุ่งนี้ (วันอาทิตย์ที่ 6 ก.พ.) จะต้องขึ้นเครื่องไปสกลนครอย่างที่เกริ่นไว้ช่วงต้น

เรียนตรงๆ ว่ารู้สึกหวั่นไหวอยู่พอสมควร ที่เห็นตัวเลขกระดกมาที่หลักหมื่นอีกหน…แถมมากระดกในวันที่เราจะเดินทางเสียด้วย

ตอนที่ผมตัดสินใจจะตามพี่มานิจไปด้วยนั้น คือเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ยอดติดเชื้อใหม่วันละ 7,000 กว่าเอง และมีแนวโน้มว่าจะลดลง

ที่ไหนได้กลับมาพุ่งขึ้นเสียนี่

ทำไงได้ล่ะครับ…ก็ต้องเดินหน้าต่อไปและเตรียมตัวป้องกันอย่างเต็มที่ต่อไป

สำหรับข้อมูลทั่วโลกของวันเสาร์ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์รายงานว่า ผู้ติดเชื้อใหม่ประจำวันรวมแล้ว 2.9 ล้านราย ลดลงจาก 3 ล้านเศษ ในช่วง 2-3 วัน ก่อนหน้านี้

หลายๆ ประเทศแม้จะยังติดเยอะ เช่น สหรัฐฯ อยู่ที่ 280,000 กว่าๆ แต่ก็ลดจาก 4 แสน 5 แสนราย เมื่อสัปดาห์ก่อนโน้นอย่างมีนัยสำคัญ

ยุโรปก็เช่นกัน แม้ตัวเลขจะยังสูง แต่ก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ ที่ยังเพิ่มอยู่เพราะโอมิครอนเพิ่งไปถึง ได้แก่ รัสเซีย วันละ150,000-160,000 มาหลายวัน กับเยอรมนีที่ล่าสุดวันนี้ทะลุ 230,000 ไปเรียบร้อย

แต่จะเป็นด้วยความเชื่อที่ว่า พิษสงของโอมิครอนไม่แรงเท่าเชื้อตัวเก่าๆ ประกอบกับคนของเขามีการฉีดวัคซีนในเปอร์เซ็นต์สูง ทำให้การเสียชีวิตลดน้อยลง หลายๆประเทศในยุโรปต่างก็หันมาประกาศ “หยุดยิง” หรือ “พักรบ” กับโควิด-19 ไปตามๆ กัน

มีการยกเลิกกฎเข้มประเภทต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้าน หรือต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบโดสขณะเข้าดูเข้าชม กิจกรรมบางอย่างในบางสถานที่ไปเรียบร้อย

โดยให้เหตุผลว่า เราจำเป็นต้องอยู่กับโควิด-19 ให้จงได้ ดังนั้นเมื่อพิษสงของโรคนี้ลดลง เราก็ควรจะต้องปรับตัว โดยลดความเข้มต่างๆ ลงสู่ภาวะปกติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ของบ้านเราผมไม่แน่ใจว่ารอบนี้จะไปถึงพีกเมื่อไร ภาวนาให้ถึงเร็วๆ นี้ และกลับสู่ภาวะระบาดอย่างปกติโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ถ้าจะว่าไป การกลับมาสู่ “หลักหมื่น” แม้จะชวนให้หวั่นไหว แต่ในอดีตยุควิกฤติสุดๆ เราเคยขึ้นไปถึงวันละ 20,000 กว่าๆอยู่หลายวัน

ขอให้จบที่ “หลักหมื่น” นะครับ อย่าขึ้นหลัก “2 หมื่น” อีกเลย แม้สายพันธุ์นี้เขาว่าอันตรายน้อยกว่า…แต่สำหรับคนสูงอายุ และมีโรคประจำตัว ไงๆ ก็เสี่ยงอยู่ดี

ป.ล. ล่าสุด ผมคลายความหวั่นไหวจนหมดสิ้นแล้วครับ เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่า พี่มานิจ สุขสมจิตร หัวหน้าคณะของพวกเราทริปนี้ ท่านจะมีอายุ 83 ปีในเดือนเมษายนนี้ (แต่ฉีดวัคซีนมาครบ 3 เข็มแล้ว) ท่านยังไม่หวาดหวั่นใดๆ เลย

เราอายุน้อยกว่าท่าน 2 ปี และไปฉีดวัคซีนวันเดียวกับท่านทั้ง 3 เข็ม ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ…จะมัวหวาดหวั่นอยู่ได้ยังไงล่ะ.

“ซูม”

ข่าว, โควิด 19, ยอดขึ้น, โรงเรียน, ไทยรัฐวิทยา, ไทยรัฐ, ซูมซอกแซก