ข่าวดีฉลอง “ตรุษจีน” ปีนี้ ธงไทย “โบกสะบัด” ที่ปักกิ่ง

วันนี้ (1 ก.พ.) ตามปฏิทินจีนระบุไว้ว่าเป็นวัน “ชิวอิก” หรือวันขึ้นปีใหม่วันแรก ถือเป็นวันมงคลสูงสุด ควรทำแต่เรื่องที่เป็นมงคลและพูดดี คิดดี เข้าไว้ ความสำเร็จ ความสุข และความสมหวังต่างๆ จะเป็นของเรา

ในฐานะคนไทยเชื้อสายจีน ผมเห็นด้วยกับความเชื่อในข้อนี้ และได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้แล้วว่า วันนี้จะพูดดีทำดีและอารมณ์ดีทั้งวัน…จะไม่สบถจะไม่หยาบคายแต่อย่างใดทั้งสิ้น

ต่อให้ผลการเลือกตั้งซ่อม “หลักสี่ กทม.” ออกมาอย่างไร? ได้คนดีหรือไม่ดีอย่างไร? ถูกใจหรือไม่ถูกใจอย่างไร? ผมก็จะอุทานว่า ฮ้อ! ฮ้อ! ยินดีไปกับผลการเลือกตั้งทุกประการว่างั้นเถอะ

เรื่องดีๆ เรื่องหนึ่งที่ผมตั้งใจเขียนถึงมากที่สุดวันนี้ก็คือ “ข่าวดี” ที่ว่า “ธงชาติไทย” หรือ “ธงไตรรงค์” ของเราจะมีโอกาสสะบัดพลิ้วในการแข่งขัน กีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ที่ปักกิ่ง ระหว่างวันที่ 4-20 กุมภาพันธ์นี้อย่างแน่นอน

เหตุเพราะ องค์การต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก หรือ “วาดา” ที่เสนอให้ “แบน” การชักธงชาติไทยในกีฬาต่างๆ นั้น ได้ยกเว้นไว้ให้สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน ดังนั้นจึงยกเว้นให้อยู่แล้วสำหรับกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในครั้งนี้

เรามีนักกีฬาสกีไปร่วมแข่งขันด้วย 4 คน แม้ว่าโอกาสจะได้เหรียญจะยากมากๆ แต่ถ้าจับพลัดจับผลูเราได้เหรียญทองขึ้นมาละก็…คณะผู้จัดการแข่งขันก็จะต้องเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่เสาและบรรเลงเพลงชาติไทยคลอไปด้วยเช่นเดียวกับประเทศที่ได้เหรียญทองอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ณ นาทีนี้ “วาดา” ยังมิได้ไปปลดรายชื่อประเทศไทยออกจากบัญชีต้องห้าม และรอผลการปฏิบัติตามกฎกติกาของประเทศไทยตามที่เคยทักท้วงมาอยู่

ซึ่งก็ปรากฏว่าไทยเราได้ปฏิบัติตามครบถ้วนทุกข้อแล้ว โดยได้ออกพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ดั้งเดิมและผ่านการประชุมวุฒิสภาเป็นที่เรียบร้อย รวมทั้งได้แจ้งแก่ “บอร์ดบริหาร” ของ “วาดา” แล้วเช่นกัน

คาดว่าบอร์ดบริหารวาดาจะพิจารณาแบบลงนามในหนังสือเวียน วันสุดท้ายคือ 2 ก.พ.นี้ น่าจะเห็นด้วยกับที่ประเทศไทยเราดำเนินการดังกล่าว ซึ่งแปลว่าจะปลดล็อกการลงโทษทุกข้อให้แก่ประเทศไทย

สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่งครั้งนี้ได้รับการติดตามอย่างสูงมาก ทั้งจากแฟนกีฬาและแฟนข่าวการเมืองทั่วโลก

จริงๆ แล้วในเรื่องกีฬานั้นปกติประเทศที่ไม่ใช่เมืองหนาวและไม่ค่อยมีนักกีฬาฤดูหนาวจะไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก…แต่ครั้งนี้กลับมาให้ความสนใจ เพราะ สหรัฐอเมริกา ขาใหญ่ของโลก เกิดมา “บอยคอต” หรือ “คว่ำบาตร” การจัดของปักกิ่งเข้าให้

โดยอ้างประเด็นว่าจีนละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะในเขตปกครองตนเองซินเจียง

ไม่ถึงกับคว่ำบาตรโดยไม่ส่งนักกีฬาไปแข่งอย่างที่เคยมีการประท้วงกันในยุคสงครามเย็นก่อนโน้นหรอกครับ

สหรัฐฯ ยังส่งนักกีฬาอยู่และแข่งภายใต้ธงชาติสหรัฐฯ อยู่ เพียงแต่จะไม่มีเจ้าหน้าที่การทูตสหรัฐฯ หรือตัวแทนฝ่ายข้าราชการหรือรัฐบาลไปร่วมในพิธีต่างๆ เท่านั้น

สำหรับไทยเราจะไปร่วมโดยให้เกียรติจีนสูงสุด โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว กรุงปักกิ่ง ในวันที่ 4 ก.พ.นี้ ยังความปลาบปลื้มแก่รัฐบาลจีนและประชาชนชาวจีนเป็นล้นพ้น

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันเปิดโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งนี้นั้นจะตรงกับวัน “ชิวสี่” หรือวันขึ้นปีใหม่วันที่ 4 ของตรุษจีนปีนี้

ถือเป็นวันมงคลอีกวันหนึ่งตามธรรมเนียมจีน…โดยจะเป็นวันเริ่มต้นทำงานหลังหยุดตรุษจีนและเป็นวันรับ “เจ่าซึ้ง” เทพเจ้าเตาไฟและเทพเจ้าองค์อื่นๆ กลับจากเข้าเฝ้าองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าวัน “ซึ้งเลาะที”

มิน่าล่ะจังหวัดนครสวรรค์หรือเมืองปากน้ำโพบ้านผมถึงได้มีพิธีแห่เจ้าในวัน “ชิวสี่” มาถึง 106 ปี รวมทั้งปีนี้

แสดงว่าที่รัฐบาลจีนเลือกเอาวัน “ชิวสี่” ปีนี้เป็นวันเปิดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว น่าจะมี “นัย” แฝงอยู่พอสมควร

อย่าลืมติดตามชมการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่งเป็นเจ้าภาพด้วยนะครับ…เราคงไม่หวังว่านักกีฬาเราจะได้เหรียญอะไรหรอก

แค่มีโอกาสไปร่วมแข่งขัน นำธงไตรรงค์อันเป็นที่เคารพเชิดชูของเราไปโบกสะบัดได้อย่างสมศักดิ์สมศรี โดย “วาดา” ไม่ประท้วงและจะเลิกประท้วงในเร็วๆ นี้ก็ชื่นใจแล้วครับ.

“ซูม”

ข่าว, โอลิมปิก, ฤดูหนาว, ธงชาติ, ไทย, ตรุษจีน, จีน, ซูมซอกแซก