จากวันนี้ไปก็ประมาณสัปดาห์เดียวเท่านั้น…จะถึงวัน “เปิดประเทศ” ต้อนรับนักท่องเที่ยวจาก 45 ประเทศ+1 เขตปกครอง ที่ฉีดวัคซีนครบโดส และผ่านข้อกำหนดตามกติกาเมื่อมาถึงประเทศไทย…ให้ออกเที่ยวได้เลยโดยไม่ต้องกักตัว

แม้จะอดหวาดหวั่นมิได้แต่ก็เข้าใจรัฐบาลว่ามีความจำเป็นที่จะต้องทำ เพื่อหาทางปลุกเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นขึ้นมาได้บ้าง…ก่อนที่จะทรุดหนักลงไปมากกว่านี้

นึกถึงรายการทีวีของคุณ เด่น ดอกประดู่ ในยุคก่อนที่ใช้ชื่อว่า “ไม่ลองไม่รู้”…อันมีความหมายว่า ถ้าเราไม่ลองลงมือทำแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าผลลัพธ์มันจะ “ดี” หรือ “ไม่ดี”

“ดี” ก็เดินหน้าทำต่อขยายผลให้กว้างขวางขึ้น “ไม่ดี” หรือเสียหายก็รีบหยุดหรือเลิกทันที-ไม่ดึงดันทำต่อไป

ผมจึงเห็นด้วยกับการตัดสินใจของรัฐบาลในประเด็นนี้มาตลอด…แต่ก็ฝากข้อคิดความเห็นในเรื่องความระมัดระวัง และการที่จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ทางฝ่ายสาธารณสุขกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

ที่เป็นห่วงว่าจะ “ไม่เคร่งครัด” ก็เพราะรู้ดีถึงอุปนิสัยของคนไทยเราที่ชอบทำอะไรฝ่าฝืนกฎ…ด้วยความเห็นแก่ได้บ้าง หรือบางครั้งก็ทำเพื่อแสดงบารมีของตนเองบ้าง

วันนี้ก็คงต้องย้ำอีกครั้งว่ายังเป็นห่วงในเรื่องนี้อยู่ ขอฝากรัฐบาลหรือทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดกำชับกำชาให้ผู้ปฏิบัติงานทุกระดับทำตามกฎ กติกา อย่างเข้มงวดสุดๆ ห้ามบิดเบี้ยวไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น

แต่ก็ดังที่ผมเคยเรียนไว้แล้วว่า ผมเองก็มิได้ตั้งความหวังอะไรมากนัก เพราะตระหนักดีว่าสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกยังไม่หยุดนิ่ง

ตัวเลขติดเชื้อโดยรวมยังเกินวันละ 4 แสนราย บางวันก็เข้าไปใกล้ 5 แสนราย แม้จะลดลงมากเมื่อเทียบกับยุควันละ 6 แสน หรือบางวัน ก็ 7 แสน…แต่ก็ต้องถือว่าตัวเลข 4 แสนนั้น ยังเป็นจำนวนที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

ที่สำคัญเมื่อวิเคราะห์ลงไปเป็นรายประเทศก็จะพบว่าหลายๆ ประเทศทำท่าจะกลับมาระบาดเพิ่มขึ้นอีก…ล่าสุดก็คือ สหราชอาณาจักร ที่กลับมาสูงวันละ 4 หมื่นกว่า และบางวันก็ทะลุ 5 หมื่นเสียด้วยซ้ำ

จนมีข่าวว่าบรรดาคุณหมอทั้งหลายเกิดความห่วงใยอย่างมาก เพราะโรงพยาบาลต่างๆ ทำท่าจะกลับมา “เต็ม” อีกแล้ว เกรงว่าจะรับมือในช่วงฤดูหนาวนี้ไม่ไหว

มีข้อเสนอให้กลับไปใช้มาตรการที่เข้มงวดอีกในบางข้อ…แต่รัฐบาลอังกฤษยังคงยืนกรานว่า “ไม่กลับ” เพราะมั่นใจในการฉีดวัคซีนที่ดำเนินไปได้อย่างทะลุเป้าหมาย

รัฐบาลอังกฤษเชื่อว่าอันตรายของการติดเชื้อจะลดลง สำหรับผู้ฉีดวัคซีนครบโดส และได้รับการบูสต์เรียบร้อยแล้ว

หรืออย่างรัสเซียนี่ก็ติดเชื้อวันละ 3 หมื่นกว่ามาตลอด และยอดเสียชีวิตหลังๆ ก็เกินหลัก 1,000 มาหลายวันแล้ว

แม้แต่สหรัฐฯ ถึงจะลดลงไปเหลือวันละตํ่ากว่าแสน…กระนั้นก็อยู่ที่หลัก 7-8 หมื่นต่อวัน และยอดผู้เสียชีวิตระยะหลังๆ ก็กลับมาเกินวันละกว่า 1,000 ราย…ยังต้องระมัดระวังและจับตาดูต่อไป

ผมถึงได้บอกว่าสถานการณ์โควิดโลกยังไม่นิ่ง ส่งผลให้รัฐบาลหลายประเทศออกมาเตือนพลเมืองของตนว่าอย่าเพิ่งไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่ รวมทั้งสหรัฐฯ ที่เตือนให้ระมัดระวังสิงคโปร์ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา…

ส่วนของไทยเรานั้น สหรัฐฯ เขาจัดให้เราเป็นประเทศพึงระวังอันดับ 4 (ค่อนข้างสูง) อยู่แล้ว

ครับ! ด้วยข้อเท็จจริงที่สรุปมานี้ โดยส่วนตัวผมเองจึงมิได้ตั้งความหวัง ที่เลอเลิศจนเกินไปนัก…แต่ก็ยังอยากลอง เพราะไม่ลองก็ไม่รู้อย่างที่ว่า

ที่สำคัญความสำเร็จของ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ในระดับหนึ่งทำให้ผมเกิดความหวังเล็กๆ อยู่ในใจ ว่ามีทางเป็นไปได้ เหมือนกับว่าโครงการเปิดประเทศอย่างรัดกุม 1 พ.ย.นี้ อาจจะประสบผลดีไม่มากก็น้อย

อะไรไม่อะไร ต้องขอขอบคุณดาราหนังระดับโลก โดยเฉพาะรัสเซล โครว์ ที่มาถ่ายทำหนังในเมืองไทย ที่โพสต์ถึงการเที่ยวและการทำงานในเมืองไทยของเขาอย่างมีความสุข สนุกสนาน น่าจะมีส่วนช่วยดึงดูดใจแฟนๆ ของคุณรัสเซลให้มาเที่ยวบ้านเราได้พอสมควรทีเดียว

สรุปอย่างที่ผมบอกไว้ตอนต้นแหละครับ…ไม่ลองไม่รู้…เมื่อลองแล้ว “ดี” ก็เดินหน้าต่อ และถ้า “ไม่ดี” ก็เลิกทันที…เอางั้นนะครับบิ๊กตู่…ซตพ.

“ซูม”