1 พ.ย. “ดีเดย์” เปิดประเทศทางเลือก “เศรษฐกิจ” กับ “ชีวิต”

“บิ๊กตู่” ออกมาแถลงอย่างชัดเจนแล้วครับว่า ท่านจะเปิดประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งนับจากวันนี้ก็เหลืออีกเพียง 17 วันเท่านั้น

ทั้งนี้ จะไม่เปิดกว้างให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก แต่จะจำกัดเฉพาะ ประเทศที่มีความเสี่ยงด้านโควิด-19 ตํ่าสุด 10 ประเทศไปก่อนในช่วงเริ่มต้น พร้อมกับมีเงื่อนไขสำคัญอีก 2-3 ประการ

ท่านเอ่ยถึง 5 ประเทศแรกใน 10 ประเทศมาเป็นตัวอย่าง…ได้แก่ อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และสหรัฐอเมริกา…ส่วนเงื่อนไขหลักที่ท่านระบุไว้…ก็เช่น ต้องเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสและเดินทางเข้าประเทศทางอากาศเท่านั้น

เมื่อมาถึงสนามบินของเราปุ๊บจะต้องแสดงตัวว่าปลอดเชื้อโควิด-19 เช่น ต้องมีหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ก่อนออกเดินทางจากประเทศต้นทางและมีการตรวจหาเชื้ออีกครั้ง เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย

ถ้าทุกอย่างผ่านหมด นักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางจากประเทศที่เรากำหนดก็จะสามารถเข้าสู่ประเทศไทยและออกเดินทางท่องเที่ยวได้เลยโดยไม่ต้องโดนกักตัวใดๆ

ท่านนายกฯยังบอกด้วยว่าช่วง 1 พ.ย.นี้ จะเริ่มจากประเทศที่ตั้งเป้าไว้ช่วงแรกไปก่อน พอถึง 1 ธ.ค. จะหาทางเพิ่มรายชื่อประเทศเพิ่มเติมขึ้นอีก และพิจารณาเพิ่มไปเรื่อยๆ ให้กว้างขวางขึ้น เมื่อถึง 1 มกราคม

สำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่อยู่นอกบัญชีที่เรากำหนดไว้ก็ยังมาเที่ยวเมืองไทยได้ ตามกติกาเดิมคือต้องมีการกักตัวให้ครบเสียก่อน

บิ๊กตู่ให้เหตุผลว่าที่ต้องตัดสินใจดำเนินการเปิดประเทศในช่วงเวลานี้ก็เพื่อหาทางกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ฟุบยาว เพราะโควิด-19 จนผู้คนตกงานจำนวนมาก…บัดนี้สถานการณ์ต่างๆเริ่มคลี่คลายลงแล้วอีกทั้งประเทศไทยเราก็มีการฉีดวัคซีนได้เกือบครบตามเป้าหมายแล้ว

พอดีกับฤดูกาลท่องเที่ยวกำลังจะเริ่มขึ้น การเปิดประเทศอย่างมีเงื่อนไขในช่วงเวลานี้ จึงนับว่าเหมาะสมกับสถานการณ์

ผมเองได้แสดงความห่วงใยมาตลอดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งของโลก และของไทยเราอยู่ในขั้นไม่น่าไว้วางใจอย่างยิ่ง

การดำเนินการใดๆ ที่จะช่วยให้เศรษฐกิจของเรากระเตื้องขึ้นมาได้บ้าง…ผู้คนมีรายได้ มีงานทำเพิ่มขึ้นบ้าง…บนเงื่อนไขที่ว่าจะไม่เป็นการกระหน่ำซ้ำเติมทำให้ภาวะโรคระบาดรุนแรงขึ้น หรือกลับมาระบาดอย่างหนักอีกครั้ง…ล้วนเป็นเรื่องที่สมควรจะต้องกระทำทั้งสิ้น

เท่าที่ผมติดตามข้อมูลการระบาดระดับโลกอยู่ห่างๆ ก็รู้สึกว่าในภาพรวมเริ่มดีขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มน้อยลง และการล้มป่วยถึงขั้นเสียชีวิตเริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

เป็นผลมาจากการฉีดวัคซีนทั่วโลก…แม้จะยังต่ำกว่าเป้าหมายมากในประเทศกำลังพัฒนา หรือประเทศยากจน แต่ก็ไปได้อย่างรวดเร็ว และกว้างขวางในประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปจนถึงประเทศร่ำรวย

ทำให้หลายๆ ประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุข และเปิดให้มีการเดินทางท่องเที่ยว หรือให้มีการเข้าชมเข้าดูกีฬาเต็มสนาม แข่งขันกันอย่างกว้างขวาง

เพราะฉะนั้น หากประเทศเราจะหาทางเปิดประเทศบ้างก็เป็นเรื่องที่สมควรแก่การดำเนินการ…หากเรามั่นใจว่าเราสามารถควบคุมผลกระทบและจะไม่ทำให้ปัญหาการระบาดกลับมาใหม่ได้อย่างจริงจัง

ผมคิดว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในขณะนี้…ไม่ใช่เรื่องของการคัดค้านหรือไม่เห็นด้วยกับการเปิดประเทศ…แต่เป็นเรื่องของความห่วงใยและความวิตกกังวลในเรื่องของความ “ไม่พร้อม” ของ กลไกต่างๆ ที่จะดำเนินการให้ปลอดภัยเสียมากกว่า

เราฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมายจริงหรือ? การตรวจตราที่สนามบินจะเข้มจริงหรือไม่? นักท่องเที่ยวจะทำตามเงื่อนไขหรือไม่? และจะมีกลุ่มวีวีไอพีที่ไม่ยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือไม่? ฯลฯ

ก็คงต้องทำอย่างที่บิ๊กตู่แถลงไว้แหละครับ…เปิดประเทศไปประเมินผลอย่างละเอียดไป…เห็นอะไรไม่ชอบมาพากลต้องหยุดทันที

อย่าลืมว่าเศรษฐกิจแม้จะสำคัญก็จริง แต่ชีวิตคนสำคัญที่สุดครับ เมื่อถึงคราว “ต้องเลือก”…จะต้องเลือก “ชีวิต” ไว้ก่อนนะครับ ฝากบิ๊กตู่ไว้ด้วยก็แล้วกัน.

“ซูม”

ข่าว, เปิดประเทศ, โควิด 19, เศรษฐกิจ, ไทย, ท่องเที่ยว, ซูมซอกแซก