“ข่าวช็อก” จาก “มหา’ลัย” ทุจริตตั้ง “ผศ.+รศ.” นับร้อย

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวพาดหัวหน้า 1 หนังสือพิมพ์หลายฉบับอยู่ข่าวหนึ่ง…อาจไม่ใช่ข่าวใหญ่โตอะไรนักเมื่อเทียบกับข่าวการเมืองที่กำลังร้อนฉ่าในทุกมิติอยู่ขณะนี้…หัวหน้าข่าวเขาก็เลยพาดหัวเล็กๆ เอาไว้พอไม่ให้ตกข่าวไปเสียเท่านั้น

แต่สำหรับคนชอบมองอะไรล่วงหน้าอย่างผม กลับมองว่านี่เป็นข่าวใหญ่มาก…ใหญ่และน่าห่วงเหลือเกินสำหรับอนาคตของประเทศไทย

เมื่อวันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม ที่ผ่านมานี่เอง ไทยรัฐ พาดหัวเอาไว้ในบริเวณล่างสุดของหน้า 1 ว่า “อว.ถอดอาจารย์ 2 มหาวิทยาลัยดัง… ทุจริตตำแหน่งระดับ ศ. ถึง ผศ.รวมกว่า 100 ราย”

คำย่อ อว. นั้นเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าหมายถึง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งมีหน้าที่สำคัญประการหนึ่งคือการควบคุมดูแลตลอดจนสนับสนุนอุ้มชูมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศไทยของเรานั่นเอง

สรุปสาระย่อๆ ของข่าวนี้ก็คือมหาวิทยาลัยดัง 2 แห่งที่ว่านี้…แห่งหนึ่งอยู่ที่จังหวัดในภาคอีสานและอีกแห่งหนึ่งอยู่ที่จังหวัดใหญ่จังหวัดหนึ่งของภาคเหนือตอนล่าง…มีการแต่งตั้งอาจารย์ตั้งแต่ระดับ ผศ.คือผู้ช่วยศาสตราจารย์ไปจนถึง รศ.(รองศาสตราจารย์) และ ศ.(ศาสตราจารย์) โดยมิชอบ รวมกันถึงกว่า 100 ราย

ที่ใช้คำว่า “มิชอบ” ก็เพราะในการที่จะได้มาซึ่งตำแหน่งทางวิชาการที่มีคำนำหน้าด้วยอักษรย่ออันทรงเกียรติทั้ง 3 ระดับนั้น จะต้องมีการนำเสนอผลงานวิชาการที่สมน้ำสมเนื้อกับระดับต่างๆ

เมื่อเสนอผลงานแล้วก็จะต้องมีคณะกรรมการมานั่งอ่านมานั่งประเมินหรือให้คะแนนว่าผลงานดังกล่าวนั้นสมควรผ่านหรือไม่เสียก่อนจึงจะเสนอให้มีการแต่งตั้งได้

ก็ปรากฏว่าอาจารย์เหล่านี้ดำเนินการเสนอผลงานโดยไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้แถมยังมีการปลอมแปลงเอกสารแต่งตั้งกรรมการประเมิน–ปลอมลายเซ็นกรรมการประเมิน รวมทั้งปลอมรายงานประชุมในการพิจารณาบางตำแหน่งด้วย ฯลฯ

อ่านข่าวแล้วจะไม่ให้ผมเกิดความห่วงใยในอนาคตของประเทศไทยได้อย่างไร…เพราะการศึกษาระดับ มหาวิทยาลัย นั้นเป็นระดับ “สูงสุด” ในการผลิตทรัพยากรมนุษย์เพื่อออกไปพัฒนาประเทศชาติในด้านต่างๆ

ผู้จบมหาวิทยาลัยถือว่ามีคุณสมบัติมาตรฐานขั้นต้นในแต่ละวิชาชีพ สามารถที่จะออกไปทำงานได้ทันทีหรืออาจไม่ทันที สำหรับงานบางประเภทที่ต้องมีการฝึกภาคปฏิบัติเพิ่มเติมแต่ก็ถือว่าผู้จบมหาวิทยาลัยมีความรู้พื้นฐานที่จะเข้ารับการฝึกปฏิบัตินั้นๆ ได้

แต่กรณีที่เกิดขึ้นแก่มหาวิทยาลัยทั้ง 2 แห่งนี้ย่อมนำไปสู่ความ สงสัยที่ว่า ครูบาอาจารย์ต่างๆ จะมีความรู้ ความสามารถ พอที่จะประสิทธิ์ ประสาทวิชาความรู้ให้แก่นิสิต นักศึกษา หรือไม่?

เพราะมีการโกงมีการปลอมในการสอบหรือการประเมินเพื่อวัดผลความรู้ ความสามารถของแต่ละอาจารย์ รวมแล้วถึงกว่า 100 อาจารย์

นอกจากจะเกิดความไม่ไว้วางใจอาจารย์ปลอมๆ เหล่านี้ ว่ามีความรู้จริงหรือไม่แล้ว ก็ยังเกิดความระแวงด้วยว่าอาจารย์เหล่านี้ล้วนมีอุปนิสัยที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตอย่างยิ่ง

คนเราถึงขนาดปลอมลายเซ็นผู้อ่านผลงานได้ ปลอมคำสั่งแต่งตั้งผู้อ่านผลงานได้ ฯลฯ จะให้ไว้วางใจได้อย่างไร?

ก็ไม่รู้ว่าระหว่างที่สอนนิสิต นักศึกษา นั้นจะถ่ายทอดอุปนิสัยขี้โกงเหล่านี้ ให้เด็กๆ ไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการด้วยหรือไม่?

อาจจะมีผลทำให้ผู้จบการศึกษาจาก 2 มหาวิทยาลัยนี้ที่ร่ำเรียนกับอาจารย์เหล่านี้…นอกจากจะได้รับความรู้อย่างไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้วยังอาจจะได้รับการถ่ายทอดอุปนิสัยอันไม่ซื่อสัตย์สุจริตไปด้วย

อนาคตของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร? หากคนรุ่นใหม่กลายเป็นคนอมโรคอยู่ถึง 2 โรค คือ “โรคอ่อนความรู้” และ “โรคขี้โกง”

ผมหวังว่าทาง อว.โดยท่านรัฐมนตรี เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ที่ผมเชื่อมั่นในความรู้ ความสามารถ และความมีธรรมาภิบาลอย่างสูงของท่านจะจัดการกับทั้ง 2 มหาวิทยาลัยที่เป็นข่าวนี้อย่างจริงจังและเด็ดขาด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่มหาวิทยาลัยอื่นๆ

ขณะเดียวกันก็ควรตรวจสอบมหาวิทยาลัยอื่นๆด้วยนะครับ ว่าจะมีพฤติกรรมในลักษณะนี้อีกหรือไม่?

ถ้ามีอีก ก็จัดการอย่างเด็ดขาดอีกนะครับ ท่านรัฐมนตรี.

“ซูม”

ข่าว, ทุจริต, อาจารย์, มหาวิทยาลัย, ศ., ผศ., ขี้โกง, ซูมซอกแซก