จาก “เวิลด์เทรด” ถึง “คาบูล” “20 ปี”…ปิดฉาก “ความแค้น”

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมตามเวลาก่อนเที่ยงคืนที่อัฟกานิสถานสัก 1 นาทีได้กระมัง กองทัพสหรัฐฯ ก็ออกมาแถลงข่าวว่า ได้ถอนทหารอเมริกันชุดสุดท้ายออกจากอัฟกานิสถานเป็นที่เรียบร้อย

ถือเป็นการปิดฉากสงครามฉากหนึ่งของสหรัฐฯ ในการบุกเข้าไปปฏิบัติการล้างแค้นเรื่องหนึ่งในประเทศนี้ และต้องใช้เวลาอยู่ที่นั่นเกือบๆ 20 ปี…ลงได้ในที่สุด

ผมเองเคยมีโอกาสไปอยู่ในบรรยากาศแห่งความแค้นของคนอเมริกัน เมื่อ 20 ปีที่แล้ว และเมื่อบัดนี้เหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์หนึ่งของโลก ดังกล่าวนั้นกำลังจะปิดฉากลง

ขออนุญาตบันทึกเอาไว้กันลืมนะครับ…เพราะถ้าจะว่าไป 20 ปีเนี่ยไม่เพียงแต่รัฐบาลอเมริกันและคนอเมริกันจะหายโกรธหายแค้นแล้ว เท่านั้น…ผมเองในฐานะคนนอก แต่เคยไปอยู่ในเหตุการณ์ ก็ชักจะลืมๆ เลือนๆ ไปเยอะแล้วเหมือนกัน

จุดเริ่มของเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ.2001 ที่เรียกกันว่า เหตุการณ์ “ไนน์/วันวัน” หรือ “9/11”…อันเป็นวันที่ผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินโดยสารสหรัฐฯ 2 ลำไปพุ่งชนตึก “เวิลด์เทรด” ที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา จนราพณาสูรพังครืนลงเป็นธุลีทั้ง 2 ตึก

ผมไปอยู่ที่โน่นพอดีจึงมีโอกาสไปร่วมทำข่าวและส่งข่าวมาไทยรัฐ กับคุณ ไพโรจน์ ปักษาษิณ ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำนิวยอร์ก…โดยเฉพาะการติดตามความสูญเสียชีวิตของคนไทยหลายๆ ชีวิต และหลายๆ ครอบครัวอยู่หลายวัน

มีโอกาสได้ “ดมกลิ่นไหม้” ที่แปลกประหลาดที่สุด…ที่บริเวณเกิดเหตุใกล้ๆ ตึกเวิลด์เทรด…ยังจำกลิ่นนั้นได้จนถึงวันนี้

ยังจำบรรยากาศอันโศกเศร้า, เสียใจ, สลดใจ และแค้นใจของคนอเมริกันทั้งประเทศได้จนถึงวันนี้เช่นกัน

น่าจะไม่ตํ่ากว่า 3 คืนที่รายการโทรทัศน์ทุกช่องยุติการเสนอรายการปกติ หันมาเปิดเพลง “ปลุกใจ” คล้ายๆ วันปฏิวัติในบ้านเรา

ทำให้รู้ว่าเพลงปลุกใจให้คนอเมริกันรักชาติรักแผ่นดินของเขา ก็มีหลายเพลง โดยเฉพาะที่ฟังตลอด 2-3 วันหลังเวิลด์เทรดถล่มก็คือเพลง “America The Beautiful” และเพลง “This Land is Your Land” ฟังจนแทบจะร้องตามได้

เมื่อหายโศกเศร้า รัฐบาลอเมริกันภายใต้การนำของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ก็สืบสวนสอบสวนเป็นการใหญ่ว่าใครคือผู้ก่อเหตุ

ในที่สุดก็พบว่าเป็นสมาชิกของผู้ก่อการร้าย “อัลกออิดะห์” ซึ่งมี โอซามะ บินลาดิน เป็นหัวหน้าใหญ่ และเป็นตัวการสำคัญ

สหรัฐฯ สืบสวนต่อไปว่า บินลาดิน ซึ่งเป็นชาวซาอุดีอาระเบีย แต่ไปซ่องสุมก่อการร้ายในหลายประเทศ และต่อมาเข้าไปมีฐานปฏิบัติการอยู่ในอัฟกานิสถาน โดยความยินยอมของรัฐบาลตาลีบัน

1 เดือนต่อมา คือตุลาคม 2001 กองกำลังสหรัฐฯ โดยคำสั่งของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ก็บุกเข้ายึดอัฟกานิสถาน ขับไล่รัฐบาลตาลีบันออกจากเมืองหลวงคาบูลเพื่อไล่ล่าผู้นำอัลกออิดะห์

ต่อมาอีก 10 ปีให้หลังคือ เมื่อ 2 พ.ค.ปี 2011 สหรัฐฯ จึงสามารถจัดการกับบินลาดินได้สำเร็จ โดยส่งหน่วยซีลบุกเข้าสังหารผู้นำอัลกออิดะห์ รายนี้ได้ในปากีสถานใกล้ๆอัฟกานิสถานนั่นเอง

กระนั้นสหรัฐฯ ก็ยังคงอยู่ในอัฟกานิสถานต่อมาอีก 10 ปี รวมเป็นเกือบ 20 ปี ก่อนที่จะตัดสินใจถอนกำลังกลับประเทศตนเองในที่สุด

แต่ภาพที่ไม่ค่อยสวยที่เกิดขึ้นในสายตาชาวโลกก็คือ…การถอนกำลังครั้งนี้ค่อนข้างสับสนอลหม่าน และเศร้าสะเทือนใจ

เมื่อชาวอัฟกานิสถานที่เคยทำงานกับสหรัฐฯ และพันธมิตรไปแออัดที่สนามบินคาบูลแน่นขนัด เพื่อหาทางหนีเอาตัวรอดจากรัฐบาลตาลีบันที่กลับมายึดอัฟกานิสถานคืนได้อย่างรวดเร็ว

มีการแย่งกันขึ้นเครื่องบิน มีการวิ่งเกาะลูกล้อเครื่องบินจนร่วงลงมาเสียชีวิตอย่างอเนจอนาถ
เป็นภาพที่คล้ายๆ กับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่สหรัฐฯ ทิ้ง ไซ่ง่อน เมืองหลวงของเวียดนามใต้ให้แก่กองทัพเวียดกงเมื่อ 46 ปีที่แล้ว

จบการแสดงฉากนี้ลงแล้ว ฉากต่อไปอเมริกันจะไปแสดงอำนาจและแสนยานุภาพที่ไหนอีกก็คงต้องติดตามอย่างไม่กะพริบตากันต่อไป

หากจะแวะมาแถวๆ นี้…ใครก็ตามที่กำลังคบหารัฐบาลสหรัฐฯ อยู่ และหวังจะดึงสหรัฐฯ มาช่วยอะไรพวกคุณอยู่ ก็ระวังๆ ไว้ด้วยนะครับ…

เขาทิ้งไซ่ง่อนได้ ทิ้งคาบูลได้ คงไม่ยากนักหรอกหากเขาจะทิ้งพวกคุณได้ในลักษณะเดียวกัน.

“ซูม”

ข่าว, สหรัฐอเมริกา, คาบูล, อัฟกานิสถาน, บินลาดิน, ตาลีบัน, เวิลด์เทรด, ซูมซอกแซก