เข้าสู่สัปดาห์ “อันตราย” “เดลตา” มาถึงจุด “พีก”

เมื่อวานนี้ผมเขียนถึงบันทึกประจำวัน จากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โดย ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ที่สรุปปัญหาอันหนักหน่วงในการสู้รบกับโควิด-19 ระลอกนี้เอาไว้ แต่ทุกคนก็พร้อมจะสู้ต่อไป…ผมจึงได้ลงท้ายด้วยการขอบคุณจากใจ แด่นักรบเสื้อกาวน์ ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯทุกๆ ท่าน

แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วทุกๆ โรงพยาบาลใน กทม.และปริมณฑลต่างก็เจอศึกหนักอย่างชนิดเกินกำลังทั้งสิ้น และบุคลากรทางการแพทย์ตลอดจนจิตอาสา ต่างก็ทุ่มเทและทำการสู้รบในสมรภูมิ หรือโรงพยาบาลที่แต่ละท่านรับผิดชอบ อย่างทรหดอดทน โดยมิได้ท้อถอย เช่นเดียวกัน

ผมจึงขอใช้พื้นที่ช่วงแรกของคอลัมน์วันนี้ เขียนถึง “นักรบเสื้อกาวน์ และจิตอาสา” ของทุกโรงพยาบาล ทั้งโรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลสนามด้วยความขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งก่อนอื่นใดทั้งหมด

ขอให้ทุกๆ ท่านปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง และประสบแต่ความสุขความเจริญไปตลอดกาลนานเทอญ

ครับ! จาก “ตัวเลข” และข่าวบางข่าวที่เกิดขึ้นขณะที่ผมเริ่มเขียนต้นฉบับวันนี้ ค่อนข้างชัดเจนว่า สถานการณ์ของประเทศไทยเรายังจะหนักหน่วง ต่อไปอีกหลายวันแน่นอน

ในแง่ตัวเลขยอดติดเชื้อในเช้าวันจันทร์ที่ 5 ก.ค. กลับมาที่หลัก 6 พันอีกครั้ง ได้แก่ 6,166 ราย ทำให้ยอดติดเชื้อสะสม กลายเป็น 289,233 ราย กระโดดพรวดขึ้นมาเป็นอันดับ 65 ของโลกแล้ว

เราเพิ่งพูดถึงอันดับ 80 กว่า และ 70 กว่าไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง แผล็บเดียวขึ้นมาเป็นอันดับ 65 และถ้าแนวโน้มยังเป็นเช่นนี้ ก็คงจะไปสู่อันดับที่ 50 กว่าๆ ของโลกอีกไม่นานนัก

สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิตวันนี้ก็ค่อนข้างสูง คือ 50 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมขึ้นไปถึง 2,276 ราย และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมไทยเรารวมอยู่ด้วยหลายราย

ในส่วนของ “ข่าว” ที่น่ากังวลยิ่งของวันนี้ที่ผมขอหยิบยกมาเรียนย้ำอีกครั้งได้แก่ข่าวที่คุณหมอทั้งหลายมีความเห็นตรงกันว่า โควิด-19 สายพันธุ์หลักที่จะเข้ามาระบาดในบ้านเรานับแต่นี้ต่อไปก็คือ “สายพันธุ์เดลตา” หรือ “สายพันธุ์อินเดีย” นั่นเอง

เริ่มจากองค์การอนามัยโลกก่อนอื่น…ที่ออกมาแถลงเมื่อ 2 วันก่อนว่าเชื้อไวรัสกลายพันธุ์เดลตาได้แพร่กระจายไปทั่วโลกแล้วกว่า 80 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย

ต่อมา เมื่อวานนี้เอง ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ แห่งคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์ฯ คาดว่าสำหรับบ้านเราสายพันธุ์นี้จะเข้ามาแทนที่สายพันธุ์อัลฟา หรือสายพันธุ์อังกฤษในเดือนนี้

ในขณะที่ พล.อ.ท.นพ.อนุตตร จิตตินันทน์ ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ก็โพสต์ข้อความไว้ว่า เชื้อกลายพันธุ์เดลตาจะเป็นเชื้อหลักของการระบาดในบ้านเรานับจากนี้เป็นต้นไป

“เชื้อนี้แพร่กระจายเร็วมาก ไม่จำเป็นอย่าออกไปไหน อย่าไว้ใจใครทั้งสิ้น คิดเสมอว่าทุกคนอาจมีเชื้อโควิด-19 และสถานที่ต่างๆ ที่เราไปก็อาจมีเชื้อนำโควิด-19 อยู่ตามพื้นผิวสัมผัส”

ในโพสต์ของท่านประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยยังแสดงถึงตัวเลขผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ล่าสุดนั้นจำนวนผู้ป่วยที่เข้าอยู่ในโรงพยาบาลหลักมีจำนวนมากกว่า 30,000 ราย

บ่งบอกถึงความหนักหนาสาหัสของสถานการณ์ซึ่งนำไปสู่สภาวะผู้ป่วย “รอเตียง” ที่มีจำนวนมาก และทางกระทรวงสาธารณสุขจำเป็นต้องหันมาใช้วิธีการดูแลที่บ้าน (Home Isolation) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ท่านประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ถึงกับโพสต์ไว้อีกตอนหนึ่ง ว่า…“อยากให้ทุกคนช่วยกันด้วยการ Lock down ตัวเองขั้นสูงสุด”

นอกจาก WHO และทั้ง 2 หมอที่เอ่ยถึงข้างต้นแล้วยังมีการใช้แบบจำลองของการระบาดของสายพันธุ์นี้ในอินเดียมาใช้พยากรณ์การระบาดในประเทศไทยเมื่อ 2-3 วันก่อนควบคู่ไปด้วย

พบว่าช่วง “พีก” ของการระบาดสูงสุดของสายพันธุ์เดลตาในไทยจะอยู่ในช่วง “กลางเดือน” กรกฎาคม นี่แหละครับ

เมื่อทุกๆ ฝ่ายเห็นพ้องกันเช่นนี้เราก็ควร “เชื่อ” เอาไว้ก่อนว่า จากนี้ไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคมเป็นอย่างน้อยสถานการณ์โควิด-19 บ้านเราหนักหนาสาหัสแน่นอน

“ล็อกดาวน์” ตัวเองได้ก็ควรล็อกดาวน์นะครับ…ออกจากบ้าน เมื่อจำเป็นเท่านั้น.

“ซูม”

ข่าว, โควิด 19, วัคซีน, นักรบเสื้อกาวน์, สายพันธุ์เดลตา, อืนเดีย, ระบาด, ประเทศไทย, ซูมซอกแซก