“ตั้งเป้า” ดีกว่า “ไร้เป้า” ลุ้น 120 วัน “เปิดประเทศ”

สัปดาห์ที่ผ่านมาผมมีความจำเป็นบางประการต้องส่งต้นฉบับล่วงหน้าและในวันต่อมาก็ถึงคิวจะต้องเขียนเรื่องพิเศษประเภทชวนเที่ยวโน่นเที่ยวนี่เสีย 2 วัน ทำให้พลาดที่จะออกความเห็นในประเด็นที่ “บิ๊กตู่” ท่านตั้งเป้าจะเปิดประเทศภายใน 120 วัน ได้อย่างทันท่วงที

เพิ่งมาได้จังหวะเขียนถึงในวันนี้แต่ก็คิดว่าคงไม่สายเกินไปนัก เพราะถ้านับจากวันที่บิ๊กตู่ประกาศนโยบายคือ วันพุธที่ 16 มิถุนายน (จำแม่นเพราะเป็นวันหวยออก) มาถึงวันนี้จันทร์ที่ 21 มิถุนายน ก็เพิ่งจะผ่านไปแค่ 5 วันเท่านั้น

และถ้านับจำนวน 120 วันที่ท่านประกาศไว้เป็นหมุดหมาย ก็ยังเหลือเวลาทำงานกันอีกถึง 115 วัน…ถือได้ว่าความคิดความเห็นของผมในวันนี้น่าจะยังทันเหตุทันกาลอยู่

ถ้าเราจะประมวลปฏิกิริยาจากบุคคลกลุ่มต่างๆผ่านสื่อมวลชนทุกแขนง ทั้งสื่อหลักและสื่อสังคมออนไลน์…ก็คงสรุปได้ว่า “ส่วนใหญ่” เห็นด้วยกับนโยบายเปิดประเทศของบิ๊กตู่ที่ได้แถลงไว้

โดยเฉพาะ “ภาคเอกชน” ที่อยู่ในวงการท่องเที่ยวต่างออกมา “ขานรับ” แทบจะเป็นเสียงเดียวกันก็ว่าได้ แม้ผู้หลักผู้ใหญ่ของวงการแพทย์ซึ่งยังกังวลใจอยู่กับยอดติดเชื้อโควิด-19 ของบ้านเราที่ยังพุ่งทะยานไม่หยุด ควบคู่ไปกับระบบและวิธีการฉีดวัคซีนของเราที่ยังมากไปด้วยปัญหา…จะออกมาท้วงติงบ้าง แต่ก็เป็นการท้วงให้ใช้ความรอบคอบในการปฏิบัติงานต่างๆ เสียเป็นส่วนใหญ่

ว่า…จะต้องมีความรัดกุม จะต้องไม่ประมาทจนทำให้ไวรัสกลายพันธุ์ที่น่ากลัวทั้งหลายหลุดเข้ามาและแพร่เชื้อต่อ จนเกินความสามารถของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่จะแก้ไขได้

อันจะเป็นผลให้บุคลากรทางการแพทย์และระบบสาธารณสุขของเราที่ “ตึงมือ” อย่างมากในขณะนี้ อาจจะรับมือไม่ไหว…ซึ่งจะกลายเป็นผลเสียแก่เศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้นไปเสียอีก

นับเป็นความห่วงใยที่มีเหตุมีผลอย่างยิ่งที่ฝ่ายรัฐบาลโดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรีที่ตัดสินใจจะเปิดประเทศ จะต้องรับฟังและรับไปดำเนินการด้วยความไม่ประมาท เมื่อวันและเวลาเปิดประเทศมาถึง

ขณะเดียวกันไม่เฉพาะแค่ภาครัฐเท่านั้นที่จะต้องระมัดระวัง ภาคเอกชนหรือผู้ประกอบการ หรือแม้แต่ประชาชนในท้องที่เองก็จะต้องระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎกติกาทุกข้ออย่างเข้มงวดเช่นกัน

จะต้องไม่มีใครประมาทหรือเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัวแล้วแหกกฎต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้าไปทำงานในพื้นที่ที่จะเปิด…หรือไปจัดกิจกรรมอื่นใดที่เป็นการมั่วสุมและแพร่เชื้อโรค

ดังที่เคยเกิดขึ้นในการระบาดระลอก 2 หรือระลอก 3 โดยเด็ดขาด ความจำเป็นในการที่จะเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่จะต้องดำเนินการ…โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวนั้นเป็นที่ยอมรับกันว่าสามารถที่จะสร้างรายได้ให้แก่ประเทศได้อย่างเป็นกอบ เป็นกำ ขณะเดียวกันก็สามารถที่จะใช้เป็นจุดเริ่มต้นหรือหยิบมาใช้ได้ในทันทีทันใด เพราะมีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมอยู่แล้ว

ผมจึงได้แสดงความเห็นด้วยเอาไว้ตั้งแต่เมื่อฉบับวันศุกร์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการเขียนล่วงหน้า โดยที่ยังไม่ทราบนโยบายเปิดประเทศ 120 วันของบิ๊กตู่ขณะที่เขียนเสียด้วยซํ้า

มาถึงวันนี้ท่านประกาศนโยบายและเงื่อนเวลาออกมาแล้ว…ขณะเดียวกันก็มีแผนปฏิบัติการตามมาหลายอย่าง โดยเฉพาะในเรื่องการเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน ทั้งในกรณีทั่วไปและพื้นที่เป้าหมาย ฯลฯ

แผนปฏิบัติการที่สำคัญที่สุดที่จะเริ่มในวันที่ 1 กรกฎาคมอีกประมาณ 10 วัน จากนี้ไปก็คือการเปิด “ภูเก็ต” ตามโครงการทดลองที่เรียกว่า “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” นั่นเอง…

ขอเอาใจช่วยโครงการนี้ให้ประสบความสำเร็จด้วยดี เพื่อที่จะนำมาใช้กับจังหวัดหรือเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ที่จะตามมา และนำมาใช้เป็นต้นแบบสำหรับการเปิดประเทศ ดังที่ท่านประกาศไว้

สรุป ผมภาวนาให้ท่านสามารถเปิดประเทศได้ตามเป้านะครับ ไม่ใช่เชียร์ท่านหรอก แต่เชียร์ประเทศไทยน่ะครับ…เพราะถ้า “บิ๊กตู่” และคณะทำไม่สำเร็จ เศรษฐกิจไทยจะ “ดิ่งลึก” และทรุด “ลากยาว” ไปอีกนานอย่างแน่นอน––น่าเป็นห่วงจริงๆ ครับ.

“ซูม”

ข่าว, เศรษฐกิจไทย, ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์, เปิดประเทศ, โควิด 19, วัคซีน, ท่องเที่ยว, ซูมซอกแซก