เหตุการณ์โควิด-19 ที่กลับมาระบาดระลอกใหม่ทั่วโลกขณะนี้ทำให้ผมอดที่จะนึกถึงภาษิตที่ว่า “สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร”…เสียมิได้ เป็นภาษิตที่ใช้กันอยู่ในการแข่งขันกีฬาต่างๆ และใช้กันมากในแวดวงของคนชอบดูกีฬา หรือผู้สื่อข่าวสายกีฬา
มีความหมายว่าตราบใดที่การแข่งขัน (ซึ่งเปรียบเสมือนสงคราม) ยังไม่จบ อย่าไปรีบ นับศพทหาร ซึ่งหมายถึงการไปดูว่า เรา “นำ” เขาอยู่ หรือ “ตาม” เขาอยู่แล้วนึกว่าเราจะ “ชนะ” หรือ “แพ้” เป็นอันขาด
เพราะ “นำ” อยู่ ก็อาจแพ้ได้…หรือ “ตาม” อยู่ ก็กลับมาชนะได้ เมื่อใกล้หมดเวลา
หน้าที่ของนักกีฬาก็คือต้องสู้หรือทำสงครามต่อไปจนนาทีสุดท้าย
ที่ผมนึกถึงภาษิตนี้เทียบกับการระบาดของโควิด-19 ก็เพราะตอนระบาดรอบแรกทั่วโลกนั้น…ประเทศอื่นๆ เขาติดเชื้อกันเป็นล้านๆ โดยเฉพาะประเทศยักษ์ใหญ่ติดเชื้อสะสมหลายสิบล้านด้วยซ้ำ
ยอดเสียชีวิตก็เสียกันเป็นหมื่นๆ ราย บางประเทศก็เกินแสนราย
ในขณะที่ของประเทศไทยเราติดเชื้อรวมกันเป็นหลักพันเท่านั้น ยอดเสียชีวิตก็เพียงไม่กี่สิบคน
ทำให้เราได้รับการยกย่องจาก WHO ว่าเป็นประเทศอันดับต้นๆ ของโลกที่ทำสงครามกับโควิด-19 ได้ดีมาก…ระบบสาธารณสุขของเราก็อยู่ในระดับท็อปของโลก แม้จะไม่เป็นที่ 1 ก็ตามที
แต่เผอิญว่าสงครามยังไม่จบ เจ้าโควิดยังไม่ยอมแพ้ มีการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์โน้นสายพันธุ์นี้ กลับมาต่อสู้ใหม่…ทั่วโลก
ในขณะที่ไทยเรานึกว่าสงครามจบแล้ว ก็เลยประมาทไปหน่อย หละหลวมร่าเริงกันไปหมด จนเชื้อโควิดทะลุทะลวงเข้าประเทศมาได้ เพราะความหละหลวมของคนเห็นแก่เงิน เห็นแก่ได้กลุ่มหนึ่ง
ยอดผู้สูญเสียจึงเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จนมาทำสถิติสูงสุด “นิวไฮ” ติดวันเดียว 2,839 ราย เมื่อวันเสาร์ที่ 24 เมษายน และถัดมาวันอาทิตย์ 25 เมษายน แม้จะลดลง แต่ก็ยังอยู่ที่ 2,438 ราย ถือว่ายังสูงอยู่มาก
ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมพุ่งไปที่ 55,460 รายแล้ว รวดเร็วจริงๆ และยอดผู้เสียชีวิตก็กลายเป็นทั้งหมด 140 ราย เนื่องจากในวันอาทิตย์นั้นเสียชีวิตวันเดียวถึง 11 ราย ทำสถิติสูงสุดใน 1 วัน
ไม่เพียงแต่ยอดผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นและยอดเสียชีวิตจะมากขึ้น…ในระลอกนี้เรายังพบปัญหาโกลาหลอลหม่านอีกหลายเรื่อง ตั้งแต่ผู้ป่วยไม่มีโรงพยาบาลรองรับ ต้องรออยู่ที่บ้านจนเกิดกรณีเสียชีวิตคาบ้านอย่างน่าสลดใจ
ในขณะที่เสียงตัดพ้อต่อว่ากันก็ดังอึงมี่…“บิ๊กตู่” กับ “หมอหนู” ฮีโร่ของครั้งที่แล้วโดนหนักกว่าเพื่อน… โดยเฉพาะ “หมอหนู” ถึงกับโดนล่าชื่อ ขับไล่กันเลยทีเดียว…ในขณะที่ “บิ๊กตู่” ก็เรตติ้งตกอย่างน่าเป็นห่วง
รวมทั้ง “ระบบสาธารณสุข” ของไทยก็ได้รับเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ๆ เช่นกันว่า…ท็อปเทนระดับโลกจริงหรือไม่?
ผมเองนั้นอยู่ในฝ่ายที่เชียร์และให้กำลังใจ “สาธารณสุขไทย” มาตลอด ตั้งแต่สงครามระลอกที่ 1 ก็อยากจะเชียร์และให้กำลังใจต่อไป
เอาละคราวที่แล้วเราเผลอนึกว่าสงครามจบแล้ว เลยนับศพทหารกันใหญ่ เห็นว่าสูญเสียน้อยก็เลยเฮฮาฉลองกันจนการ์ดตก
บัดนี้เมื่อสงครามยังไม่จบก็ขอให้ท่านทั้งหลายฮึดสู้กันต่อไป…ผมยังเชื่อมือเชื่อใจเชื่อในความเสียสละของบุคลากรการแพทย์ทุกๆท่าน
เชื่อมั่นในระบบราชการที่กำลังผนึกกันอยู่เป็นเพื่อน ร่วมรบเคียงบ่า เคียงไหล่กับบุคลากรการแพทย์อย่างไม่ย่อท้อ…นับตั้งแต่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านนายอำเภอ ตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ
ผมทราบดีว่าทุกท่านทำงานหนักมากและบางครั้งก็เกิดการผิดพลาดในระบบ ทำให้เกิดการรอทำให้เกิดการเสียชีวิตระหว่างรอ…แม้จะเสียใจและเสียดาย…แต่ก็จะข่มใจไว้ขอให้ท่านแก้ปัญหาและฮึดสู้ต่อไป
ขอส่งกำลังใจมาให้นักรบแนวหน้าทุกท่าน ทั้งบุคลากรการแพทย์ ทั้งข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งอาสาสมัครและหน่วยกู้ภัย จิตอาสาต่างๆ
ผมเชื่อว่าเราจะชนะในที่สุด…และคราวนี้เราจะไม่นับศพทหารเร็วเกินไป เราจะไม่สรุปว่า เราเก่งกว่าหรือเหนือกว่าคนอื่นๆ เร็วเกินไป
เพราะ “สงครามโควิด” น่าจะยืดเยื้อไปอีกนาน และยังสรุปไม่ได้หรอกครับว่า ประเทศไหนจะชนะสงครามได้เด็ดขาด ในช่วงนี้หรือแม้แต่ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี จากนี้เป็นต้นไป.
“ซูม”