จริงๆ แล้วคำว่า “ยุบหนอ-พองหนอ” นั้นเป็นถ้อยคำที่ใช้ในการบริกรรมระหว่างการนั่งสมาธิของพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัดในพระพุทธศาสนา ในขณะสูดลมหายใจเข้าซึ่งจะทำให้บริเวณหน้าท้องป่องขึ้น นั้นร่างกายก็จะป่องขึ้นตาม…ผู้นั่งสมาธิก็จะบริกรรมคำว่า “พองหนอ” อยู่ในใจ

ครั้นเมื่อเราหายใจออก บริเวณหน้าท้องจะแฟบลงหรือยุบลงก็ให้บริกรรมคำว่า “ยุบหนอ” ไปตามอาการของหน้าท้อง

กล่าวสลับกันไปเรื่อยๆ ยุบหนอ-พองหนอ ยุบหนอ-พองหนอ-จิตก็จะค่อยๆ สงบนิ่งเข้าสู่สมาธิในที่สุด

แม้วลี “ยุบหนอ-พองหนอ” จะมีที่มาจากการบริกรรมระหว่างทำสมาธิดังที่กล่าวไว้ข้างต้น แต่เมื่อใช้กันไปนานๆ เข้าก็กลายเป็นคำฮิต และมีการนำไปเป็นคำเปรียบเทียบในการอธิบายถึงสัจธรรม เกี่ยวกับความไม่เที่ยงแท้หรือ “อนิจจัง” ต่างๆ ควบคู่ไปด้วย

ยุบหนอ เปรียบเสมือนตัวแทนของ โชคร้าย ส่วน พองหนอ จะเป็นตัวแทนของโชคดี…เมื่อนำมาใช้คู่กันจึงเปรียบเสมือนโชคร้ายกับโชคดีนั้นเป็นของคู่กัน

วันนี้โชคดี พรุ่งนี้อาจจะโชคร้าย หรือวันนี้โชคร้าย พรุ่งนี้ก็อาจจะโชคดีได้ ขอให้มนุษย์ทั้งหลายเข้าใจในสัจธรรมข้อนี้ และตั้งสติมั่นเข้าไว้

เมื่อเกิดเหตุการณ์ “ยุบหนอ” หรือโชคร้าย เราจะได้ไม่เสียใจมาก และหากเกิดเหตุการณ์ “พองหนอ” หรือโชคดี เราจะได้ไม่ดีใจหรือปลาบปลื้มจนเกินควร

ผมเองโดยส่วนตัวเชื่อในสัจธรรม “ยุบหนอ พองหนอ” เป็นอย่างยิ่ง และได้ทดลองพิสูจน์อย่างง่ายๆ มาตั้งแต่ผมยังเป็นนักศึกษาเศรษฐศาสตร์ปี 1 เมื่อหลายๆ ปีก่อนโน้น

ช่วงนั้นผมเพิ่งเรียนวิชาสถิติใหม่ๆ ก็เลยลองจดสถิติการเล่นไพ่ รัมมี่ ระหว่างผมกับเพื่อนนักศึกษาที่อยู่หอพักเดียวกันเอาไว้ตลอด

ผมพบว่าสัจธรรม “ยุบหนอ พองหนอ” ได้เกิดขึ้นกับการเล่น รัมมี่ ซึ่งเป็นไพ่ที่ต้องใช้ทั้งฝีมือและดวงในการเล่นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

ในช่วงเวลา “พองหนอ” หรือดวงขึ้นผมจะน็อกอยู่ตลอดมืดบ้างสว่างบ้าง แถมได้สเปโตได้กินค่าโง่หลายๆ ครั้งในแต่ละคืน

ไพ่ขึ้นแย่อย่างไรจั่วไป 2-3 ครั้ง ฯลฯ ก็กลับมาดีและก็น็อกได้อีก

แต่ในช่วง “ยุบหนอ” ขนาดไพ่ขึ้นมาจ่อคั่วน็อกมืดถึง 2-3 หน้า กลับปรากฏว่าไม่มีใครทิ้งเข้าเลย กลายเป็นลบมืดไปฉิบ

ยิ่งเล่นคะแนนก็ยิ่งติดลบตลอดจนต้องเป็นฝ่ายเสียเงินแบบเสียยุบเสียยับแถมโดนเพื่อนล้อว่าเป็นมนุษย์หน้าโง่ เพราะตีไพ่แบบเสียค่าโง่ครั้งแล้วครั้งเล่า

ทำให้ผมเชื่อในคำสอนเรื่องยุบหนอพองหนอ ว่ามีแน่นอนในชีวิตคนเรา…มีในทุกๆ เรื่อง แม้กระทั่งเรื่องเล่นไพ่ขอให้ตั้งสติให้มั่นไว้เถิด

คนที่น่าจะคิดและเชื่อคล้ายๆ กับผมคนหนึ่งที่เป็นข่าวเมื่อ 2-3 วันที่แล้วก็คือ คุณ เจอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการใหญ่ของทีม หงส์แดง หรือ ลิเวอร์พูล ขวัญใจแฟนบอลทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยเราด้วย

จากทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกที่โด่งดังมากเมื่อปีกลายและปีนี้ก็เริ่มต้นได้ดี ทำสถิติไม่แพ้ติดต่อกันยาวนานของสโมสรอยู่หลัดๆ…จู่ๆ ก็แพ้รวดคาบ้านตัวเอง 6 ครั้ง เป็นสถิติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของสโมสร

ส่งผลให้ เจอร์เกน คลอปป์ ให้สัมภาษณ์ว่า “นี่คือช่วงที่ตกตํ่าที่สุดในอาชีพการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลของผม ก่อนหน้านี้เราประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ แต่ตอนนี้เราต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เหลือเชื่อเช่นเดียวกัน”

การแข่งกีฬากับการเล่นไพ่รัมมี่มีส่วนเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ ในกรณีฝีมือเท่าๆ กันนั้นต้องอาศัย “โชค” เข้ามาช่วยด้วยจึงจะชนะ

การที่ลิเวอร์พูลซึ่งส่วนใหญ่ก็ยังใช้ผู้เล่นคนเดิม แต่เล่นไม่เหมือนเดิม วิเคราะห์ง่ายๆ ก็คือโชคไม่ดีเหมือนปีที่แล้ว

ก็ได้แต่เห็นใจเจอร์เกน คลอปป์ และอยากจะให้ใครช่วยแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือเยอรมันก็ได้ไปปลอบใจแกสักหน่อยว่า…ขอให้สู้ต่อไปอย่าได้ท้อแท้ครับ…ยุบหนอ พองหนอ เป็นของธรรมดา

พองมาเยอะแล้ว พอถึงเวลาก็ยุบลงบ้าง แต่เดี๋ยวก็พองกลับมาอีก… สู้สู้ (โว้ย) คลอปป์อย่าเพิ่งถอดใจ…และสำหรับท่านประธานสโมสรลิเวอร์พูลด้วย อย่าเพิ่งใจร้อนปลดโค้ชเสียล่ะ…เดี๋ยวก็กลับมา “พอง” เองเชื่อไอเถอะยู.

“ซูม”