“พริกขี้หนู” เม็ดละบาท เหตุผลที่ “ประมาท” มิได้

ข่าวใหญ่มากข่าวหนึ่งของประเทศไทยเรา เมื่อ 2 วันที่แล้ว ที่มีการพูดถึงทุกบ้านทุกครัวเรือนมากกว่าข่าวพรรคฝ่ายค้านขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหลายเท่า…เห็นทีจะหนีไม่พ้นข่าวพริกขี้หนูราคาแพง

เพราะคนไทยเราเป็นมนุษย์เผ่าพันธุ์กินเผ็ดโดยกำเนิด นอกจากอาหารส่วนใหญ่จะเผ็ดแล้ว ยังชอบที่จะหั่นพริกสดๆ ใส่ถ้วยน้ำปลาหรือถ้วยซีอิ๊วมาวางประดับโต๊ะอาหารเอาไว้อีกด้วย

ที่สำคัญในบรรดาพริกทั้งหลายที่คนไทยชอบรับประทานเป็นอันดับ 1 และขาดไม่ได้สำหรับอาหารทุกมื้อก็คือ “พริกขี้หนู” นั่นเอง

ดังนั้น เมื่อมีข่าวว่าพริกที่แพงหูฉี่ครั้งนี้ได้แก่ “พริกขี้หนู” เข้าด้วย… เสียงบ่นเสียงร้องทุกข์จึงดังกระหึ่มขึ้นทันทีทันใด

แรกๆ เป็นข่าวมาจากอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ก่อน ซึ่งมีรายงานข่าวว่า ตลาดสดที่นั่นขาดแคลนพริกขี้หนูอย่างกะทันหัน และที่มีขายอยู่ก็ราคาสูงถึงเม็ดละ 1 บาท

ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ในวันเดียวกันว่า พ่อค้า แม่ค้า ร้านอาหารตามสั่ง ร้านส้มตำ และร้านยำใน กทม. และปริมณฑล ร้องเรียนมาว่า ราคาพริกสดปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก

โดยเฉพาะพริกขี้หนูแดง ล่าสุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 200-250 บาท จากปกติกิโลกรัมละ 120-150 บาท ส่งผลกระทบอย่างมากต่อต้นทุนในการปรุงอาหารออกจำหน่าย

แน่นอน แม่ค้าพ่อค้าที่กระทบกระเทือนมากกว่าเพื่อนก็คือ แม่ค้า “ส้มตำ” และร้านอาหารประเภท “ยำ” ทั้งหลายที่ต้องใช้พริกขี้หนูเป็นวัตถุดิบสำคัญนั่นเอง

ปกติทุกวันนี้ก็ขายไม่ค่อยดีอยู่แล้ว เพราะเจอปัญหาโควิด-19 คนไม่ค่อยออกจากบ้าน และร้านอาหารก็มีเวลาขายจำกัด ยังมาเจอต้นทุนอาหารแพงขึ้นอีก อาจต้องขอขึ้นราคา “ส้มตำ” ครกละ 5-10 บาท หรือ “อาหารยำ” จานละ 5-10 บาท โดยประมาณเช่นกัน

ทั้ง “ส้มตำ” และ “อาหารยำ” ต่างๆ ถือเป็นอาหารประจำชาติที่คนไทยนิยมมาก…หากขึ้นราคาจริงๆ ประชาชนคงจะเดือดร้อนแน่นอน

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์นั้นดูเหมือนจะออกมายอมรับว่า ทุกวันนี้พริกแพงขึ้นจริง เพราะแหล่งปลูกทางภาคใต้โดนน้ำท่วมเสียหาย ทำให้ปริมาณการผลิตลดลง

ขณะนี้ทางกรมการค้าภายในได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดติดตามดูแลสถานการณ์เรื่องพริกๆ ในจังหวัดต่างๆ แล้ว เพื่อไม่ให้เกษตรกรและผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อนจากการฉวยโอกาสขึ้นราคาของพ่อค้าคนกลาง

ดีแล้วครับที่กระทรวงพาณิชย์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วทันเหตุทันการณ์ที่เกิดขึ้น…อย่าประมาทเชียวนะครับ เรื่องพริกขี้หนูแพงเนี่ย เพราะมีผลกระทบสูงมากต่อครัวเรือนไทยอย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้ว

ไม่เพียงแต่ส้มตำกับอาหารยำต่างๆ จะแพงขึ้นเท่านั้น…มองให้ลึกลงไปแล้วผมว่าอาจจะแพงขึ้นทุกอย่าง เพราะคนไทยเราใช้พริกขี้หนูปรุงอาหารแทบทุกประเภท

ขนาดข้าวขาหมูตำรับเดิมของคนจีนแท้ๆ เขามีน้ำจิ้มสไตล์จีนๆ อยู่แล้วออกเปรี้ยวออกเผ็ดหน่อยๆอยู่แล้ว คนไทยยังบอกเผ็ดไม่สะใจ ต้องมีพริกขี้หนูสดเป็นเม็ดๆ มาให้เคี้ยวกร้วมๆ แกล้มขาหมูไปด้วย

แม้แต่ข้าวไก่กะเพราไข่ดาวหรือหมูกะเพราไข่ดาว “อาหารสิ้นคิด” แต่ติดอันดับ 1 ร้านอาหารตามสั่งทั่วประเทศมาหลายปีก็เช่นกัน… ร้านอร่อยๆ ส่วนใหญ่จะใส่พริกขี้หนูลงไปด้วยผสมกับพริกชี้ฟ้า…ราคาก็จะแพงขึ้นเช่นกัน

เห็นหรือยังล่ะว่าผลกระทบกว้างขวางแค่ไหน…เพราะฉะนั้นอย่าประมาทเชียวนะครับ ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีชื่อว่าจะโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยเช่นกัน

แม้จะเป็นประเด็นเล็กๆ ที่หากฝ่ายค้านนำมาอภิปรายก็คงน็อกรัฐบาล ไม่ลงอยู่แล้วล่ะ…แต่ที่ต้องระวังก็คือ อย่าให้เรื่องนี้กลายเป็นคะแนนสะสมที่ทำให้ประชาชนเบื่อรัฐบาลเพิ่มขึ้นไปอีกก็แล้วกัน

อะไรไม่อะไร เป็นรัฐบาลมานานพอสมควร ได้ฉายามาหลายฉายาแล้ว เผลอๆ อาจจะได้อีก 1 ฉายา คือ “รัฐบาลพริกขี้หนูเม็ดละบาท”…ถ้าทนรับฉายานี้ได้ก็แล้วไปเถอะครับ.

“ซูม”

ข่าว, รัฐบาล, พริกขี้หนู, ประเทศไทย, ส้มตำ, กะเพรา, ไข่ดาว, ซูมซอกแซก