ด้วยความห่วงใยอย่างยิ่ง “วันนี้” อย่าให้เหมือน “วันนั้น”

นับจากวันนี้เป็นต้นไป ก็เหลืออีกเพียง 5 วันเท่านั้น จะถึงวันเสาร์ที่ 19 กันยายน อันเป็นวันที่หนังสือพิมพ์ทุกฉบับพาดหัวยักษ์ว่า จะมีการชุมนุมใหญ่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ถึงแม้จะมีข่าวว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่อนุญาตให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยในการชุมนุมครั้งนี้ แต่ทางกลุ่มก็ยังยืนยันว่าจะเข้าไปให้จงได้
ถึงขนาดว่าหากมีการล็อกกุญแจประตูมหาวิทยาลัยไว้ผู้ชุมนุมก็จะ ตัดแม่กุญแจออก เพื่อให้เคลื่อนขบวนเข้าไปข้างในมหาวิทยาลัยในที่สุด

คนแก่อย่างผมที่เคยเห็นเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 มาแล้ว เมื่ออ่านมาถึงตอนนี้ก็นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ครั้งกระนั้น

ท่านอาจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ซึ่งเป็นอธิการบดีใน พ.ศ.ดังกล่าว ท่านก็ไม่อนุมัติให้ผู้ชุมนุมเข้าใช้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นสถานที่ชุมนุมเช่นกัน ใครไม่เชื่อกลับไปเปิดหนังสือพิมพ์ฉบับเก่าๆดูได้

แม้ในสายเลือดและจิตวิญญาณของท่าน จะเป็นนักประชาธิปไตยที่เข้มข้น แต่ท่านก็คงพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วที่ไม่เปิดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้แก่ผู้ชุมนุม

เหมือนท่านอธิการ เกศินี วิฑูรชาติ ใน พ.ศ.นี้ ซึ่งผมก็เชื่อว่าความเป็นเลือดธรรมศาสตร์ของท่านย่อมจะมีจิตวิญญาณเป็นประชาธิปไตยไม่แพ้นักประชาธิปไตยที่ไหนในโลก และท่านก็คงพิจารณาอย่างรอบคอบเช่นเดียวกับอาจารย์ป๋วยว่า ไม่ควรเปิดประตูให้แก่ผู้ชุมนุม

อย่างไรก็ตาม เมื่อ 6 ตุลาคม 2519 ผู้ชุมนุมก็สามารถเปิดประตูมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เข้าไปจนได้ และในที่สุดก็เกิดเหตุการณ์ใหญ่ซึ่งนำความเศร้าสะเทือนใจอย่างใหญ่หลวงมาสู่ประชาชนชาวไทย

มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 46 ศพจากตัวเลขที่บันทึกไว้เป็นทางการแต่ก็คาดกันว่าผู้เสียชีวิตที่แท้จริงน่าจะเกิน 100 ศพ

ตำรวจระบุถึงสาเหตุของการเสียชีวิตของศพหลังชันสูตรแล้วว่ามีทั้งถูกยิงด้วยอาวุธปืน ถูกทุบตีและถูกเผา

แต่ที่กลายเป็นบาดแผลใหญ่ของประเทศไทยตามมาก็คือ การเข้าป่าเพื่อไปร่วมปฏิบัติการกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยของนิสิตนักศึกษาจำนวนมากกว่า 2,000 คน

กว่าจะแก้ปัญหาด้วยการออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับที่ 66/2523 ให้ผู้ที่อยู่ในป่าออกมามอบตัวโดยไม่มีความผิด จนเหตุการณ์สงบลงได้ ต้องใช้เวลาหลายปี

เสียเวลาในการพัฒนาประเทศ เสียงบประมาณในการจะต้องใช้เพื่อทำนุบำรุงประเทศเพราะต้องเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายในการปราบปรามคนไทยด้วยกัน และที่สำคัญต้องเสียชีวิตอันมีค่าของคนไทยไปจำนวนมาก ทั้งฝ่ายที่อยู่ในป่า และฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมือง

ผมก็ได้แต่หวังว่าการชุมนุมวันที่ 19 กันยายนนี้ จะไม่บานปลายไปสู่ความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น

ขอให้ทุกๆ ฝ่ายใช้สติใช้ปัญญาใช้ความอดทนอดกลั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

ฝ่ายชุมนุมก็ขอให้อยู่ในขอบเขต และขอให้ระมัดระวังอย่าให้ตก เป็นเครื่องมือของผู้ไม่ประสงค์ดีต่อชาติ

ฝ่ายบ้านเมืองโดยเฉพาะตำรวจ ก็ขอให้อดทนอดกลั้นและอย่าใช้ความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น

เรายังมีปัญหาใหญ่ที่สุดของประเทศชาติรออยู่…นั่นก็คือ ปัญหาการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ถดถอยอย่างน่ากลัวมากจากพิษของโควิด-19

หากการชุมนุมวันที่ 19 กันยายน นำไปสู่ความวุ่นวายและบานปลายไปถึงจุดไม่พึงปรารถนา…การฟื้นฟูเศรษฐกิจของเราจะพังครืนในทันที

ความบอบช้ำทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นแก่ประเทศชาติอย่างใหญ่หลวงยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่า

ผมเห็นด้วยกับการเป็นประชาธิปไตยเต็มใบและไม่เอาเผด็จการ จึงขอสนับสนุนการแก้ไขผ่านระบอบรัฐสภาที่กำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้

แต่สำหรับการเมืองนอกสภา โดยเฉพาะการชุมนุมและการแสดง ออกทางการเมืองต่างๆ ถ้าจะเกิดขึ้นบ้างตามครรลองประชาธิปไตยก็ไม่ว่ากัน ขอเพียงให้อยู่ในขอบเขตเท่านั้น

ในความเห็นของผมการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศยังเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด และเห็นว่าคนไทยทุกหมู่เหล่าควรจะร่วมมือกันเพื่อภารกิจนี้อย่าง แข็งขันให้มากที่สุด นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปครับ.

“ซูม”

ชุมนุมใหญ่, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ซูมซอกแซก