ถึง “โป๊ะแตก” ก็ภูมิใจ จับมือสู้ “โควิด” ยก 2

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันครบรอบ 101 วัน ของการปลอดเชื้อโควิด-19 ในประเทศนั้น ผมนั่งเฝ้าจอคอมพิวเตอร์อย่างใจจดใจจ่อตั้งแต่ 10 โมงเช้ากว่าๆ เลยทีเดียว เพื่อที่จะลุ้นถ้อยแถลงของ ศบค. ทางเว็บไซต์ว่า ประเทศไทยเราจะปลอดการติดเชื้อในประเทศอีก 1 วันหรือไม่

เพราะถ้าการติดเชื้อในประเทศเป็น 0 อีกละก็จะเท่ากับเราผ่านวันที่ 101 ไปอย่างราบรื่น และจะหายใจรดต้นคอประเทศนิวซีแลนด์ที่ทำสถิติไว้ยาวนานที่สุด 102 วันทันที

ผลปรากฏว่า ตัวเลขที่ ศบค.แถลงตอน 11 โมงเช้านั้น มีผู้ติดเชื้อใหม่แค่ 2 ราย และติดในสถานที่กักตัวทั้งคู่ แปลว่าในประเทศยังคงเป็น “0”

ผมส่งเสียงเฮออกมาเบาๆ เช่นเคย พร้อมกับนึกล่วงหน้าอย่างมีความสุขว่าถ้าพรุ่งนี้ (วันศุกร์ที่ 4 ก.ย.) เราปลอดเชื้อในประเทศอีกวัน ก็จะเป็นวันที่ 102 ตีเสมอนิวซีแลนด์แล้วนะ

และถ้าวันเสาร์ที่ 5 ก.ย. เรายังปลอดอีกละก็ เราจะทำสถิติใหม่ 103 วัน เป็นแชมป์โลกรายใหม่เลยนะเนี่ย

ที่ไหนได้ความปลาบปลื้มดื่มด่ำของผมยืนยาวไปอีกเพียง 4-5 ชั่วโมงเท่านั้นเอง…เพราะพอ 6 โมงเย็นเป๊ะ (ของวันพฤหัสบดีที่ 3 ก.ย.น่ะแหละ) คณะแพทย์ชุดใหญ่ของกระทรวงสาธารณสุข ก็ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่า ประเทศไทยของเรา “โป๊ะแตก” เรียบร้อย

มีการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศรายแรกแล้ว เป็นผู้ต้องขังชายในเรือนจำที่โดนจับคดียาเสพติด และศาลตัดสินคดีให้จำคุก ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำได้ 8 วัน และเพิ่งตรวจเชื้อพบในช่วงบ่ายๆ วันนี้

ถือว่าประเทศไทยของเราเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดของสถิติไม่มีการติดเชื้อในประเทศในวันที่ 101 นี่เอง

ก็ไม่เป็นไร…อย่างน้อยเราก็เอาชนะเวียดนามที่ทำได้ 99 วันไปได้แล้ว จึงเท่ากับแพ้นิวซีแลนด์เพียงประเทศเดียว ได้เป็นรองแชมป์โลกอันดับ 1 ว่างั้นเถอะ

แค่นี้ก็น่าปลื้มใจแล้วครับ…ขอขอบคุณรัฐบาล ขอบคุณ ศบค. ขอบคุณคุณหมอ คุณพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ทุกๆ ท่าน…ขอบคุณ อสม. ขอบคุณฝ่ายมหาดไทย โดยเฉพาะท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และนายอำเภอทุกอำเภอ ฯลฯ

ที่สำคัญที่สุด ขอบคุณคนไทยทุกๆ คน ที่ช่วยกันระมัดระวัง อย่างเข้มแข็งมาโดยตลอด

สำหรับเรื่องด่วนที่จะต้องดำเนินการต่อไปนับแต่บัดนี้ ข้อแรกเลยก็คือรีบ สอบสวนโรค ตามหาตัวผู้ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อรายนี้ให้ครบหรือให้มากที่สุดที่จะมากได้

เมื่อพบแล้วก็ตรวจและเฝ้าระวังต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าไม่มีใครติดอีก และแพร่ออกไปอีก

ขณะเดียวกัน ก็ขอให้ติดตามการติดเชื้อรายอื่นๆ จากกลุ่มอื่นๆ หรือแหล่งอื่นๆ ทั่วประเทศอย่าให้คลาดสายตา เพราะเมื่อเกิดรายแรกขึ้นแล้ว ก็น่าจะมีราย 2 ราย 3 ตามมาในไม่ช้า

สำหรับพวกเราประชาชนทั้งหลายก็ขอให้ “ตั้งการ์ด” ระมัดระวังกันต่อไป…ป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้

ท่องคาถาและปฏิบัติตามคาถาว่าด้วยการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และรักษาระยะห่างเท่าที่จะรักษาได้ไปเรื่อยๆ…ซึ่งแม้จะหยุดการระบาดไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็จะทำให้ผ่อนหนักเป็นเบา…ทำให้การระบาดไม่รุนแรงเกินไปนัก

เราคงไม่สามารถจะล็อกดาวน์ หรือใช้มาตรการแรงๆ ได้อีกแล้ว เพราะระบบเศรษฐกิจของเราไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป

เราไม่มีทางเลือกอะไรมากไปกว่าการที่จะต้องรีบฟื้นฟูเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการะมัดระวังมิให้โควิด-19 ระบาดรุนแรงขึ้นในรอบที่ 2

ช่วงนี้หน้าที่หลักของรัฐบาลจะต้องทุ่มเทไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจแล้วครับ ส่วนหน้าที่ในการต่อสู้และป้องกันโควิด-19 จะมาอยู่ในความรับผิดชอบของประชาชนอย่างเราๆ มากยิ่งขึ้น

โควิด-19 จะอยู่กับโลกและอยู่กับเราไปอีกนานอย่างแน่นอน ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับ (เสาร์ที่ 5 ก.ย.) ยอดติดเชื้อใหม่ทั่วโลกวันเดียวสูงถึง 290,000 กว่าราย ซึ่งเป็นอัตราที่สูงมาก และน่าห่วงใยอย่างมาก

เราหย่อนการ์ดกันไปพักหนึ่ง…บัดนี้ถึงเวลาที่จะต้องกลับมายกสูงขึ้นอีกแล้วครับ…ยกการ์ดด้วย ฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วย ไม่ใช่เรื่อง ง่ายๆ เลย…แต่ก็ต้องพยายามทำครับ.

“ซูม”

ปลอดเชื้อโควิด-19, โควิด-19, ซูมซอกแซก