เสียดาย “กุมาร” สุวิทย์เจ้าตำรับไทยแลนด์ 4.0

ถ้าจะถามผมว่า ในบรรดารัฐมนตรี 3 กุมารใน 4 กุมารที่ลาออก จากตำแหน่งครั้งนี้ ผมเสียดายใครมากที่สุด?

ผมก็จะตอบจากใจของผมเลยว่า ผมเสียดายยอดกุมาร ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มากที่สุดครับ

ท่านเป็นเจ้าตำรับนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” เป็นคนให้คำจำกัดความ ของไทยแลนด์ระดับต่างๆ ตั้งแต่ 1.0, 2.0, 3.0 ไปจนถึง 4.0 และยํ้าว่า ประเทศไทยเราอยู่ในระดับ 3.0 มานานแล้ว ต้องไป 4.0 ให้ได้

ทำให้คำว่าไทยแลนด์ 4.0 โด่งดัง และกลายเป็นทั้งความฝันและความหวังของคนไทยอย่างกว้างขวางในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้

เราจะเห็นหัวข่าวหนังสือพิมพ์ทั้งหน้า 1 และหน้าเศรษฐกิจพาดหัว โดยใช้ตัวเลข 4.0 อย่างชินตา

บทสนทนาในละครโทรทัศน์, ถ้อยคำโฆษณาสินค้าทันสมัยหลายชนิด หลายยี่ห้อ, การพูดจาในวงสังคมของคนไทยทั่วประเทศ ฯลฯ มักหนีไม่พ้นคำว่า 4.0 หรือยุค 4.0

ในแผนพัฒนาฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) ของสภาพัฒน์ ก็เขียนไว้ตั้งแต่ “คำนำ” ว่าแผนพัฒนาฉบับนี้จะนำไปสู่การปรับโครงสร้างประเทศไทยไปสู่ “ประเทศไทย 4.0”

เมื่อวานนี้เอง ผมเพิ่งเขียนถึงความภูมิใจของศิษย์เก่าลูก “แม่โดม” กับความก้าวหน้าของ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ที่จังหวัดปทุมธานี ในคอลัมน์ “ซูมซอกแซก” หารูปประกอบไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจก๊อบปี้รูปจากเอกสารรายงานประจำปีของโรงพยาบาล

เพิ่งสังเกตก่อนเขียนคอลัมน์วันนี้เองครับว่า บนภาพที่ผมก๊อบปี้ มานั้นก็ใช้คำว่า “โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ 4.0” ด้วยเหมือนกัน

เห็นหรือยังล่ะครับว่า ตัวเลข 4.0 ฮิตแค่ไหน และโด่งดังแค่ไหน

สาเหตุที่ทำให้ตัวเลขที่ว่านี้โด่งดังจนกลายเป็นตัวเลขฮิตก็เพราะในคำอธิบายของ ดร.สุวิทย์นั้น ตัวเลข 4.0 หมายถึงการพัฒนาในขั้นสูงสุดที่เราจะไปถึงให้จงได้

ท่านบอกว่า เราเริ่มจาก “ไทยแลนด์ 1.0” คือ การดำรงอยู่และการพัฒนาประเทศที่เน้นการเกษตรเป็นหลัก

จากนั้นเราก็พัฒนาสู่ “ไทยแลนด์ 2.0” เริ่มมีอุตสาหกรรมบ้างแล้ว แต่ยังเป็นอุตสาหกรรมเบาๆ เช่น เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ฯลฯ

ต่อมาก็ถึงขั้น “ไทยแลนด์ 3.0” หรือยุคที่เป็นอยู่ทุกวันนี้คือ มีอุตสาหกรรมหนักและส่งออก แต่ด้วยจุดอ่อนหลายจุดอ่อน โดยเฉพาะการขาดกำลังคนที่เหมาะสม และเทคโนโลยีที่เหมาะสม

ทำให้เราติดกับดักอยู่แค่ ไทยแลนด์ 3.0 เป็นประเทศรายได้ ปานกลางขั้นสูงเท่านั้น ไม่สามารถก้าวข้ามไปสู่การเป็นประเทศรายได้สูง หรือประเทศพัฒนาแล้วได้เสียที

เป็นที่มาของนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” ที่จะต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ตลอดจนความคิดสร้างสรรค์ เพื่อผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูงให้จงได้

เลข 4.0 จึงเป็นเลขในฝันของคนไทยนับแต่นั้นมา

ผมเองตอนได้ยินตัวเลขนี้ใหม่ๆ ก็เขียนแย้งท่านว่าเป็นความฝันที่ยากจะเป็นความจริง…โอกาสที่คนไทยจะเป็น 4.0 ได้ก็เพียงแค่กระหยิบ มือเดียว ขืนผลักดันไปเยอะๆ จะยิ่งนำไปสู่ปัญหาความ “เหลื่อมลํ้า” ในสังคมไทยมากยิ่งขึ้น

แต่เมื่อได้เห็นความพยายามของท่านในการที่จะผลักดันอย่างจริงจัง รวมถึงการตั้งกระทรวงใหม่ที่เอากระทรวงเก่าๆ และงานเก่าๆ ที่กระจายหลายๆ ที่มายำรวมกัน ที่เรียกว่า กระทรวงการอุดมศึกษาฯ ก็ด้วยการผลักดันของท่านนี่แหละ

ผมจึงยอมแพ้ในความพยายาม และหันมาให้กำลังใจท่านทั้งทางตรงและทางอ้อมตลอดมา และรู้สึกดีใจที่ได้ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนี้ เพราะนี่คือกระทรวงที่จะทำให้ประเทศไทยมีโอกาสไปถึง 4.0 ได้ ก็ต้องใช้รัฐมนตรีที่รู้เรื่อง 4.0 เป็นอย่างดีเช่นท่านมาบริหาร

แต่ล่าสุดเท่าที่ฟังพวกนักการเมือง 1.0 เขาแบ่งเค้กกัน เขาจะให้บุคคลระดับ 1.0 ด้วยกันนั่นแหละไปนั่งว่าการกระทรวงนี้

ผมถึงได้บอกว่าเสียดาย “กุมาร” ดร.สุวิทย์มากกว่ากุมารใดๆ ในการลาออกของ 4 กุมารเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา.

“ซูม”

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์, ประเทศไทย 4.0, ไทยแลนด์ 4.0, ซูมซอกแซก