อย่ารีบถอด “หน้ากาก” เชื้อ “โควิด” โลกยังพุ่ง

ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม 2563 ซึ่งเป็น วันที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ของโลกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถึง 209,028 ราย ทะลุเกิน 200,000 รายต่อวัน เป็นวันที่ 3 ติดต่อกันแล้ว


ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมดทะลุหลัก 11 ล้านไปเรียบร้อย อยู่ที่ 11,182,576 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตสะสมล่าสุดก็ไปอยู่ที่ 528,409 ราย

ที่น่าห่วงที่สุดยังคงเป็นสหรัฐอเมริกานั่นแหละครับ ยอดติดเชื้อวันนี้วันเดียวสูงถึง 54,904 ราย สูงเกินกว่าระดับ 50,000 รายต่อวัน เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 616 ราย รวมเป็น 132,101 ราย มีโอกาสไปถึง 200,000 ราย หรือ 200,000 ศพในเดือนกันยายนตามที่คณะแพทย์เคยคาดไว้ค่อนข้างแน่

รัฐที่เพิ่มหนักยังคงได้แก่ ฟลอริดา (9,488 ราย), เท็กซัส (7,343 ราย), แคลิฟอร์เนีย (4,509 ราย) และ อริโซนา (4,443 ราย)

สาเหตุหลักก็มาจากการที่รัฐเหล่านี้รีบปลดล็อกเร็วเกินไป ในขณะที่ยอดติดเชื้อยังลดไม่มาก ทำให้เกิดการระบาดรอบ 2 ที่แรงกว่าเก่า จนในที่สุดก็ต้องหันมาปิดบาร์ ปิดผับกันใหม่อีก

สำหรับวันเสาร์ที่ 4 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันชาติสหรัฐอเมริกา จะมีการเฉลิมฉลองด้วยการจัดงานยิงพลุเกือบทุกรัฐ แม้ปีนี้จะพยายามจัดแบบไม่เอิกเกริกและการเดินพาเหรดจะไม่มีเลย แต่ก็ยังห่วงๆ กันอยู่ว่า ผู้คนจะออกมาดูพลุจนเป็นเหตุให้เชื้อโควิด-19 ระบาดหนักอีกหรือไม่?

ที่สำคัญคนอเมริกันจำนวนมากยังมีความคิดเช่นเดียวกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ คือยังแอนตี้ “การสวมหน้ากาก” และไม่เชื่อว่า การสวมจะป้องกันได้ แถมยังจะปิดกั้นไม่ให้สูดอากาศบริสุทธิ์เสียอีก

รวมทั้งการรักษาระยะห่างก็ยังหละหลวมมากในหลายๆ เมือง

ส่วนบราซิลนั้นก็เหมือนกันเลย แม้จนบัดนี้ประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู ก็ยังไม่ยอมสวมหน้ากาก และเมื่อรัฐสภาออกกฎหมายมาบังคับให้ชาวบราซิลต้องสวมหน้ากากในขณะออกสู่ที่สาธารณะ ท่านประธานาธิบดีก็ยัง “วีโต้” เสียอย่างนั้น

ทำให้กฎหมายต้องกลับไปรัฐสภาใหม่ ไปออกเสียงกันใหม่ เพื่อ เพิกถอนการวีโต้ของ นายฌาอีร์ ภายใน 30 วัน

เพราะผู้นำสูงสุดของประเทศมีความคิดเช่นนี้ แม้ผู้นำระดับรัฐจะเชื่อองค์การอนามัยโลก ยังคงออกกฎหมายท้องถิ่นบังคับให้สวมหน้ากาก ให้ล็อกดาวน์โน่นนี่ แต่มันก็เหมือนการเล่นชักเย่อระหว่าง 2 อำนาจ ทำให้การสู้กับโควิด-19 มีปัญหาขึ้นเรื่อยๆ

ส่งผลให้ตัวเลขการติดเชื้อใหม่ของบราซิลยังคงเกินหลัก 40,000 ราย เมื่อวันเสาร์ และอยู่ในระดับ 30,000-40,000 ราย มาหลายวันติดๆ กัน ทำให้ยอดติดเชื้อสะสมสูงเกิน 1.5 ล้านรายไปแล้ว

ยอดผู้เสียชีวิตก็เกิน 1,000 มาหลายวัน รวมทั้งเมื่อวันเสาร์เสียชีวิต ไปอีก 1,264 ราย รวมเป็น 63,254 ราย สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ชนิดที่อันดับ 3 อย่างสหราชอาณาจักร ซึ่งอยู่ที่ 44,000 เศษๆ จะไม่มี การแซงได้แน่นอน เพราะเสียชีวิตเพียงร้อยเศษๆ เท่านั้นในแต่ละวัน

นอกจาก 2 ประเทศแชมป์โลกกับรองแชมป์โลกนี้แล้ว หลายๆ ประเทศในละตินอเมริกาก็ยังน่าห่วงอยู่

อย่าง เปรู ก็มาแรงน่าจะขึ้นมาเป็นอันดับ 5 ของผู้ติดเชื้อโรค

แซงสเปน ซึ่งหยุดแล้วในวันนี้พรุ่งนี้ เม็กซิโก อันดับ 10 ของโลก ก็ยังติดเชื้อใหม่วันละ 6 พันเศษๆ และเสียชีวิตวันละ 600-700 เศษๆอยู่ตลอด ทำให้ยอดเสียชีวิตเฉียด 30,000 ราย เป็นอันดับ 6 ของโลก

ในเอเชียก็ยังไม่ลดลงเลย โดยเฉพาะ อินเดีย ก็ยังติดวันละ 20,000 กว่าราย ยอดสะสม 649,889 ราย และยอดเสียชีวิตก็จะถึง 20,000 ราย ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ตรงข้ามกับของเรา ณ วันเสาร์ที่แล้ว การติดเชื้อในประเทศก็ยังเป็น 0 อยู่ และ 0 ติดต่อกันเป็นวันที่ 39 เข้าไปแล้ว

รวมทั้งการปลดล็อกเฟส 5 ก็มีข่าวว่าผ่านไปด้วยดี และน่าจะดีขึ้นไปเรื่อยๆ ตามลำดับ

แต่ก็อย่าประมาทนะครับ ขอให้พวกเราระวังเนื้อระวังตัวปฏิบัติ ตามกฎกติกาของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด อาจจะผ่อนการ์ดลงบ้าง แต่ต้องระวังอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัย อย่าให้ขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด

เราเชื่อ WHO เราเชื่อสาธารณสุข เราไม่คิดมากเหมือนคนอเมริกัน และไม่ดื้อรั้นเหมือนประธานาธิบดีบราซิล…โปรดสวมหน้ากากกันต่อไปอีกสักพักใหญ่ๆ นะครับ!

“ซูม”